PTG ปั๊มสินเชื่อสิบล้อ
ยังจำได้มั้ย...จำได้หรือเปล่า..? ว่าหนึ่งในแผนงานในช่วงปี 2566 ของ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG ก็คือการรุกสู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ
ยังจำได้มั้ย…จำได้หรือเปล่า..? ว่าหนึ่งในแผนงานในช่วงปี 2566 ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ก็คือการรุกสู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ด้วยการจับมือกับบริษัทไฟแนนซ์นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ รายหนึ่ง เพื่อเข้าร่วมทุนปล่อยสินเชื่อผ่านสาขาปั๊มน้ำมัน PT ทั่วประเทศกว่า 3,000 สาขา…
ตอนนั้น PTG วาดฝันไว้ว่า ไฟแนนซ์จะเป็นอีกเสาหลักในการสร้างรายได้ จากการปล่อยกู้ให้กับร้านอาหาร ร้านค้า หรือปั๊มน้ำมันที่ต้องการขยายปรับปรุงสาขา ต้องการกู้เงิน ซึ่งคาดจะเริ่มปล่อยกู้ได้ภายในครึ่งหลังปี 2566…ก็ถือเป็นอีกโอกาสทางธุรกิจที่จะช่วยหนุนการเติบโตให้กับ PTG
แต่นัดแล้วทำไมไม่มาแฮะ เพราะรอแล้วรอเล่า…จวบจนปีกระต่าย (ไฟ) 2566 ผ่านพ้นไป ก็ไม่ยักจะเห็นความคืบหน้าใด ๆ…
เอ๊ะ…หรือว่า PTG จะพับแผนใส่ลิ้นชักไปซะแล้ว..???
กระทั่งเปิดปีศักราชใหม่ 2567 หรือปีมังกร PTG ก็แจ้งข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าในการรุกสู่ธุรกิจสินเชื่อ (สักที) ด้วยการไปซื้อหุ้นสัดส่วน 33.33% ในบริษัท ไพศาล แคปปิตอล จำกัด (ไพศาล) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง สินเชื่อเพื่อหมุนเวียนธุรกิจ และสินเชื่อ Refinance คิดเป็นมูลค่า 825 ล้านบาท
…มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา…ว่าป๊ะล่ะ..!?
การที่ PTG กระโดดมาร่วมแข่งขันในสนามไฟแนนซ์ มีความน่าสนใจ อันดับแรก เป็นการเติมเต็มระบบนิเวศภายในปั๊ม PT ทำให้มีสินค้าและบริการที่หลากหลายครบครันขึ้น..ก็น่าจะช่วยดึงให้คนเข้ามาใช้บริการภายในปั๊มมากขึ้น (มั้ง)
ถัดมา แม้ในตลาดนี้มีคู่แข่งมากหน้าหลายตา ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก แต่ด้วยปั๊ม PT เป็นผู้ให้บริการน้ำมันรายใหญ่แก่รถบรรทุกอยู่แล้ว ทำให้มีฐานข้อมูลของกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการรถบรรทุกที่สามารถนำไปต่อยอดสู่การปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกมือสองได้ง่าย
ไม่นับรวมถึงการขยายไปปล่อยสินเชื่ออื่น ๆ ที่จะตามมาอีกในอนาคต เพราะอย่าลืมว่า PTG ไม่ได้มีฐานลูกค้าแค่รถบรรทุกเท่านั้น ยังมีทั้งกลุ่มร้านอาหาร ร้านค้า ที่เช่าพื้นที่อยู่ในปั๊ม แฟรนไชส์ปั๊ม PT รวมทั้งสมาชิกบัตร MAX การ์ดกว่า 19 ล้านรายอีกนะ
ขณะที่ ไปส่องแบ็กกราวด์ของไพศาล…ก็ไม่ธรรมดา เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2546 หรืออยู่ในสนามนี้มา 20 ปีเต็มแล้ว ก็คงมีดีพอตัวแหละ สะท้อนได้จากผลประกอบการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้บางปีรายได้และกำไรอาจจะดร็อปลงไปบ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด แต่ภาพรวมถือว่าทำผลงานได้ดี…
โดยปี 2561 มีรายได้รวม 207.18 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.62 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 564.60 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 32.37 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 633.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 43.29 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้รวม 192.74 ล้านบาท กำไรสุทธิ 86.40 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้รวม 321.24 ล้านบาท กำไรสุทธิ 43.93 ล้านบาท
ดังนั้น ลองนึกภาพตามนะว่า การที่ไพศาลได้ PTG มาเป็นแบ็กอัพให้ โดยเฉพาะในเรื่องของฐานลูกค้าและเงินทุน ก็น่าจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตมากขึ้นไปอีก…เมื่อไพศาลเติบโตดี PTG ในฐานะผู้ถือหุ้น ก็จะได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ…
ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวในการปั๊มพอร์ต Non-oil ของ PTG…
ส่วนจะช่วยล้างภาพจำ PTG จากธุรกิจ Oil and Gas ได้ดังที่ต้องการหรือไม่นั้น..?
อันนี้ก็ไม่รู้สินะ…
…อิ อิ อิ…