January Effect โอกาสเกิดสูง 70%

January Effect โอกาสเกิดสูง 70% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ปิดย่อตัวตามคาด ลดลง 3.76 จุด ดัชนียังเคลื่อนไหวในกรอบที่ตลาดประมาณการไว้


January Effect โอกาสเกิดสูง 70%

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ปิดย่อตัวตามคาด ลดลง 3.76 จุด ดัชนียังเคลื่อนไหวในกรอบที่ตลาดประมาณการไว้

มูลค่าการซื้อขายขยับขึ้นมาเป็น 45,241 ล้านบาท จากวานนี้ที่มีวอลุ่มเทรด 43,272 ล้านบาท และเป็นวันที่สามติดต่อกันที่ยอดเทรดเกินกว่าระดับ 4 หมื่นล้านบาท

เมื่อวานนี้ต่างชาติพลิกกลับมาขาย 898 ล้านบาท

หลังจากซื้อสุทธิมาสามวันติดต่อกันรวมกว่า 2,832 ล้านบาท

ส่วนนักลงทุนสถาบันพลิกกลับมาขายเช่นกัน 616 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้ซื้อสุทธิมา 6 วันทำการติดต่อกันรวม 5,406 ล้านบาท ซึ่งน่าจะมียอดเงินหลัก ๆ มาจากกองทุน TESG

การกลับมาขายของนักลงทุนต่างชาติวานนี้

ทำให้รายย่อยอาจเกิดความไม่มั่นใจว่า ปีนี้ ต่างชาติจะหวนกลับมาซื้อหุ้นไทยจริง ๆ หรือไม่

การลงทุนจึงยังเป็นไปในรูปแบบ “ดูเชิง” กันไปก่อน

หากมีหุ้นในพอร์ต พอจะกำไร 2-3 ช่อง ก็ปล่อยขายทำกำไร

ส่วนนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่าง ๆ เขาคุมเชิงกับต่างชาติมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ

ในปี 2567 เท่าที่สัมภาษณ์นักวิเคราะห์จากหลายโบรกฯ ต่างยังคงมั่นใจว่า ฟันด์โฟลว์จะกลับมาแน่นอน แต่คงจะเป็นในรูปแบบ “ทยอยซื้อ”

แล้วอาจจะมีการสลับขาย เพื่อทำกำไรบ้าง

ยิ่งหากความชัดเจนเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยกลางปีนี้

ยิ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ต่างชาติจะกลับมาแน่นอน

แต่ยังคงมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรเพิ่มเติมคือ เศรษฐกิจของประเทศจีน จะต้องกลับมาตามนัด และปัญหาบริเวณตะวันออกกลางต้องไม่บานปลาย

วานนี้กลุ่มธนาคารมีแรงขายทำกำไรออกมา

ซึ่งเป็นปกติของหุ้นกลุ่มนี้ที่จะเล่นกัน 1-3 วัน หลังจากนั้น หุ้นจะถูกขายออก

กรุงไทย KTB ราคายังเคลื่อนไหวในกรอบ 18.00-18.50 บาท หรือหากดีหน่อย ราคาจะขยับขึ้นมาได้ถึง 18.80-18.90 บาท

หากแนวโน้มผลประกอบการ มีกำไรดีตามนัด หรือสูงกว่าคาด ราคาน่าจะขยับผ่าน 19.00 บาทได้

แต่คงไม่เกิน 19.50-20.00 บาท ที่เป็นกรอบแนวต้านสำคัญ

TISCO หุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลดี และราคาหุ้นค่อนข้างมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะหลังจากปรับนโยบายการเงินปันผลมาเป็น 2 ปีครั้ง

ล่าสุด ราคาขึ้นมาคอยที่ระดับ 100 บาท แล้ว

หากจะซื้อดักปันผล อาจจะจะต้องรอย่อลงมาซักหน่อย

ความน่าสนใจอีกเรื่องคือ มีการกลับมาไล่หุ้น บมจ.ท่าอากาศยาน หรือ AOT

ปัจจัยหนุนน่าจะมาจากเรื่องฟรีวีซ่าจีนนั่นแหละ

และยังส่งผลไปยังหุ้นกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ เช่น SIRI อีกด้วย

ส่วนที่ตลาดเฝ้าติดตามกันในเดือนนี้ราคาของทุกปี คือ January Effect ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมั่นอกมั่นใจว่า จะมีโอกาสเกิดสูงถึง 70%

และเดือน ม.ค.นี้ ตลาดฯ น่าจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ไม่ต่ำกว่า 3%

เพราะย้อนหลังไป 10 ปี มีการเกิด January Effect ถึง 7 ปี

ส่วนหุ้นกลุ่มนำตลาดในเดือนนี้ เช่น บิ๊กแคปที่มียีลด์สูง แล้วหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เช่น E-Receipt และฟรีวีซ่าจีน

Back to top button