SPRC ปิดดีลนอนออยล์

หลังจากแอบเฝ้ามองเพื่อนร่วมธุรกิจเดียวกันอย่าง BCP รวบหัวรวบหางกินตรงกลางตลอดตัว ESSO ไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน ล่าสุดเปิดศักราชใหม่ปีมังกรทอง SPRC ก็ได้ฤกษ์ปิดดีลใหญ่กะเค้าเหมือนกัน..!!


หลังจากแอบเฝ้ามองเพื่อนร่วมธุรกิจเดียวกันอย่างบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP รวบหัวรวบหางกินตรงกลางตลอดตัวบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน ล่าสุดเปิดศักราชใหม่ปีมังกรทอง บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ก็ได้ฤกษ์ปิดดีลใหญ่กะเค้าเหมือนกัน..!!

ด้วยการปิดดีลซื้อธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ (Caltex) และสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง จาก Chevron Asia Pacific Holdings Limited

อ้อ…Chevron Asia Pacific Holdings Limited ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SPRC นั่นแหละ

เท่ากับว่า ธุรกรรมครั้งนี้เป็นแค่การปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม ด้วยการโยกสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Non-oil ของกลุ่มเชฟรอนมาอยู่ภายใต้ SPRC เท่านั้น…

ส่วนที่มาที่ไป ต้องย้อนไปช่วงปลายปี 2565 ซึ่งมติบอร์ด SPRC เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2565 อนุมัติให้ซื้อหุ้นสัดส่วน 100% ในบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด จาก 1)Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL) 2)CT Nominee Holdings (I) LLC (CTN1) และ 3)CT Nominee Holdings (II) LLC (CTN2) หลังจากนั้น บริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จะเข้าลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ ของบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด (CTL) และสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ถือหุ้น 2.5% ในบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS

ตามด้วยการเข้าลงทุนในธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดจำหน่ายน้ำมันทางระบบท่อส่ง ผ่านบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) สัดส่วนการถือหุ้น 9.91%

รวมทั้งจะเข้าซื้อหุ้นและปล่อยเงินกู้ให้กับ 2 บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยหนึ่งในนั้นจะเข้าซื้อที่ดินจำนวน 19 แปลง เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จากบริษัท สตาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (SHC) อีกด้วย

รวมมูลค่างบลงทุนทั้งหมด 5,562.5 ล้านบาท…ซึ่งผู้ถือหุ้นก็ไฟเขียวแล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ จบไปแล้ว…

นั่นจะทำให้ภาพจำของ SPRC เปลี๊ยนไป๋ จากเดิมเป็นโรงกลั่นเพียว ๆ ที่มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 175,000 บาร์เรลต่อวัน ก็จะครบเครื่องขึ้น มีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ หรือธุรกิจ Non-oil เข้ามาเติมเต็ม..!!

ที่น่าสนใจ การได้ครอบครองเชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) ก็เท่ากับว่า SPRC ได้เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ ไปโดยปริยาย ก็ถือเป็นการรุกสู่ธุรกิจค้าปลีกภายในปั๊มอย่างเต็มตัว ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่เป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจโรงกลั่น..!!

ส่วนธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดจำหน่ายน้ำมันทางระบบท่อส่ง คงเป็นแค่การลงทุนมากกว่า เพราะถือหุ้นไม่มากนัก

ถ้าถามว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะทำให้กำไรของ SPRC เฉิดฉายแค่ไหน..? อันนี้ไม่รู้ แต่อย่างน้อย ๆ น่าจะช่วยลดทอนการสวิงสวายของผลประกอบการลงได้บ้าง

ขณะที่ช็อตต่อมา ต้องดูว่าหลังจากได้ปั๊มคาลเท็กซ์มาครอบครองแล้ว SPRC จะขยับขยายและสร้างมูลค่าเพิ่มยังไง..?

ที่แน่ ๆ น่าจะทำให้สงคราม Non-oil ที่เดือดอยู่แล้ว เดือดพล่านไปอีก…เพราะอย่าลืมว่า แต่ละปั๊มต่างก็มีแบ็กอัพที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นปั๊มปตท.ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, ปั๊มบางจากและปั๊มเอสโซ่ของ BCP รวมทั้งปั๊ม PT ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG

โอเค…แม้ SPRC จะมาทีหลัง แต่น่าจะมีดีพอตัวแหละ…เพราะฉะนั้นอย่าได้ชะล่าใจไปหนา

…อิ อิ อิ…

Back to top button