สินทรัพย์ผลงานดีปี 58

สินทรัพย์ที่มีผลงานดีสุดในปี 2558 และสินทรัพย์ที่ควรหลีกเลี่ยง


สินทรัพย์ที่มีผลงานดีสุดในปี 2558 และสินทรัพย์ที่ควรหลีกเลี่ยง

 

ดัชนีหุ้นยุโรป

ดัชนีFTSE MIB ของอิตาลี่ ให้ผลตอบแทนกว่า 12% ในปีนี้ ทำให้เป็นดัชนีสำคัญในยูโรโซนที่มีผลงานดีที่สุด หุ้นอิตาลี่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายนโยบายเชิงปริมาณทั่วยูโรโซนแต่ได้ประโยชน์จากการส่งออกน้อยกว่าเยอรมนีซึ่งและมีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของจีนน้อยกว่า อย่างไรก็ดี การดีดตัวของดัชนี FTSE MIBยังสู้ดัชนี MICEXของรัสเซียไม่ได้ ซึ่งดีดตัวถึง 25% ในปีนี้

แรร์ ไซมอนยัน ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัทยูบีเอส รัสเซีย กล่าวว่า ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจรัสเซียและแนวโน้มของรัสเซียในอนาคต

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ประเมินว่าเศรษฐกิจรัสเซียหดตัวประมาณ 3.8% ในปี 2558 เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากมาตรการลงโทษระหว่างประเทศ ราคาน้ำมันปรับตัวลง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับตลาดเกิดใหม่ลดลงและเงินทุนไหลออก นักลงทุนบางคนมองว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดของรัสเซียผ่านไปแล้ว แม้ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัวลงอีก 0.6% ในปี 2559

ส่วนดัชนีที่แย่ที่สุดในยุโรปคือ ดัชนี ASE 20 ของกรีซ ซึ่งได้ปรับตัวลงในปีนี้ประมาณ 31%

 

พลังงาน

การปรับตัวลงของน้ำมันที่เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2557 ได้ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ โดยน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่กลั่นแล้วได้รับผลกระทบเพราะซัพพลายและดีมานด์ไม่สมดุลกัน การผลิตน้ำมันในชั้นหินในสหรัฐได้เพิ่มขึ้นและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)ได้คงกำลังการผลิตเอาไว้ในขณะที่ดีมานด์จากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคโภคภัณฑ์รายใหญ่ ได้ลดลง

ตราสารน้ำมันRBOB ที่ท่าเรือนิวยอร์กที่จะส่งมอบเดือนมกราคม ปรับตัวลงค่อนข้างน้อยเพียง 15% ในปีนี้ ทำให้เป็นสินทรัพย์น้ำมันสำคัญที่ถือว่ามีผลงานดีที่สุดในปี 2558

ราคาน้ำมันดิบไลท์และเบรนต์ และก๊าซธรรมชาติ ปรับตัวลงระหว่าง 30-35% ในปีนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดที่มีซัลเฟอร์น้อยมากในตลาดนิวยอร์ก)ได้ปรับตัวลงเกือบ 40% นับตั้งแต่เดือนมกราคม

ตราสารน้ำมันดิบเบรนต์ที่จะส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงไปถึง 36.04 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2557 ส่วนตราสารน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต ของสหรัฐ(WTI) ปรับตัวลงถึง 34.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

บาร์เคลย์ประเมินว่า น้ำมันดิบเบรนต์จะมีราคาเฉลี่ย 54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2558 และมีราคาเฉลี่ย 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีหน้า ขณะที่โซซิเอเต เยเนอราล มองว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์จะถึง 60 ดอลลาร์ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2559

 

ดัชนีหุ้นอเมริกา

ดัชนีMervalของอาร์เจนติน่า ดีดตัวขึ้นต่ำกว่า 40% เล็กน้อยในปีนี้โดยเป็นดัชนีที่มีผลงานดีที่สุดในบรรดาดัชนีใหญ่ๆในอเมริกาเหนือและลาตินอเมริกา ส่วนดัชนีที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดตัวถัดมาคือ ดัชนี แนสแดก 100 โดยดีดตัวเกือบ 9%

นักลงทุนมีความหวังว่าอาร์เจนติน่าจะฟื้นตัวหลังจากที่ได้โค่นรัฐบาลสังคมนิยม แล้วหันไปสนับสนุนมอริซิโอ มาครี ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงประธานาธิบดีที่สนับสนุนธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน และผู้นำใหม่ได้ทำตามสัญญาด้วยการเลิกควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนในเดือนนี้ และได้สัญญาว่าจะหาทางแก้ข้อพิพาทเรื่องหนี้ที่มีมานาน พัฒนาการเหล่านี้น่าจะทำให้อาร์เจนติน่าได้เข้าไประดมเงินในตลาดทุนได้อีกครั้ง

 

โลหะมีค่า

ราคาโภคภัณฑ์อ่อนตัวลงทั่วกระดานในปีนี้และไม่ยกเว้นแม้กระทั่งโลหะมีค่า ราคาทองคำและเงินปรับตัวลงประมาณ 9% ในปีนี้ ทำให้เป็นสองโลหะที่ดีที่สุดหรือแย่น้อยที่สุดในปีนี้ โดยเมื่อเทียบกับราคาพลาตินั่ม และพาลลาเดียมซึ่งปรับตัวลงประมาณ 30% ในปีนี้

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดสปอตอยู่ที่ 1,069 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาพลาตินั่มอยู่ที่ 865 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาที่ระดับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทองคำได้ปรับตัวลง 2% เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

 

ดัชนีหุ้นเอเชีย

ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตของจีนได้กลับมาดีดตัวกว่า 12% ในปีนี้ จึงเป็นดัชนีที่ดีที่สุดในเอเชีย อย่างไรก็ดี แม้ว่าดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตร้อนระอุโดยดีดตัวอย่างรุนแรงเมื่อเข้าสู่เดือนมิถุนายน ก่อนที่จะปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงฤดูร้อนและจากนั้นก็ฟื้นตัวในระดับหนึ่ง

ดารีลกัฟฟี่ เทรดเดอร์และผู้เขียนหนังสือ”Trend Trading” กล่าวว่า ดัชนีกำลังจะทะลุระดับ 3,800 จุด หลังจากที่ได้ฝ่าระดับ 3,400 จุด ในเดือนตุลาคม

 

สกุลเงิน

ดอลลาร์สหรัฐมีผลงานอย่างเจิดจรัสในปี 2558 การคาดการณ์เกี่ยวกับว่าเมื่อไหร่ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้มีความรุนแรงมากขึ้นจนกระมั่งมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่ผ่านมา

เงินดอลลาร์แข็งขึ้นประมาณ 9% เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆในปีนี้ เมื่อจับคู่กับสกุลเงินหลัก ดอลลาร์แข็งขึ้นมากสุดเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยแข็งขึ้นมากกว่า 10%

ในช่วงต้นปีนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 1.21 ดอลาร์ต่อยูโร แต่ในวันที่ 23 ธันวาคม อยู่ที่ 1.09 ดอลลาร์ต่อยูโร คำสัญญาของธนาคารกลางยุโรปที่จะดำเนินนโยบายเงินไม่แข็งกร้าว และดำเนินมาตรการผ่อนคลายเพิ่มอีก ได้เพิ่มแรงกดดันให้เงินยูโรอ่อนตัวลง และยังไม่แน่ว่าเงินยูโรและดอลลาร์จะมีค่าเท่ากันหรือไม่

Back to top button