D กำไรดูดี
D เป็นผู้ประกอบการทันตกรรมแบบครบวงจรในรูปแบบโรงพยาบาลทันตกรรม ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรม และประกอบธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรม
คุณค่าบริษัท
บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D เป็นผู้ประกอบการทันตกรรมแบบครบวงจรในรูปแบบโรงพยาบาลทันตกรรม ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรม และประกอบธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรม สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ D คือ การปรับกลยุทธ์หันมาจับกลุ่มลูกค้าในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับบนที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น ด้วยการเปิดโรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) ที่เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีรายได้สูง และผู้บริหารชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
รวมทั้งการรุกเปิดตลาดใหม่ ๆ อย่างตะวันออกกลาง ด้วยการลงนามความร่วมมือกับบริษัท Seera Group ซึ่งเป็นเอเจนซี่รายใหญ่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มประเทศตะวันออกกลางต่อเนื่อง อีกทั้งในปี 2566 มีแผนมุ่งเน้นทำการตลาดฐานลูกค้าชาวจีนให้มากขึ้นด้วย กลายเป็น 2 ปัจจัยหลักทำให้ D ฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็วและต่อเนื่อง
สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในรอบปี 2566 ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยงบไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 17.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.7 ล้านบาท สาเหตุเกิดจากรายได้จากการให้บริการทันตกรรมที่เพิ่มขึ้น 16% เกิดจากการปรับราคาขึ้นประมาณ 10% ในการคิดค่าบริการทันตกรรมที่มีผลตั้งแต่เดือน ม.ค. 2566 ประกอบกับลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น
หนุนให้งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 62.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 714.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกรณีไปจับมือกับคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสีฟันผสมสารโพสไบโอติก (Postbiotics) ภายใต้แบรนด์ “Elite smile” ถือเป็นการรุกสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อช่วยสร้างการเติบโตให้กับ D ซึ่งเบื้องต้นตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10,000 หลอด ภายในปี 2567 ด้วยราคาขายไม่เกิน 200 บาท คาดว่าขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่ มุมมองของนักวิเคราะห์ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ D โดย บล.เอเอสแอล ระบุว่า ประมาณการกำสุทธิในปี 2566 ของ D เท่ากับ 90 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่ 58 ล้านบาท จากประเด็นสำคัญคือรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 976 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนที่ 815 ล้านบาท มีจำนวนผู้เข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่เป็นกลุ่มท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ซึ่งจะเข้ามาใช้บริการผ่านโรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล และคลินิกที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว
สอดคล้องกับ บล.โกลเบล็ก ระบุว่า สำหรับ D ประมาณการรายได้จากการให้บริการและการขายปี 2566 ไว้ราว 968 ล้านบาท เติบโต 19% จากปีก่อน และปี 2567 ไว้ที่ 1,070 ล้านบาท เติบโต 11% จากปีก่อน ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2566 ที่ 35.1% และปี 2567 ที่ 35.4% ตามลำดับ ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 89 ล้านบาท เติบโต 55% จากปีก่อน และปี 2567 อยู่ที่ 100 ล้านบาท เติบโต 12% จากปีก่อน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2566-2567 เท่ากับ 32% ต่อปี
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น D ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 18.58 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.42 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงใกล้เคียงกับตลาด อย่างไรก็ตามถ้าไปดู P/BV ที่ระดับ 1.69 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.36 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 7.04 บาท จากราคาต่ำสุด 6.12 บาท และราคาสูงสุด 8.70 บาท