‘จงจื่อ’ ธนาคารเงา..เข้าสู่ล้มละลาย.!

“จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป” บริษัทบริหารจัดการกองทรัสต์ หรือ “ธนาคารเงา” รายใหญ่ในประเทศจีน มีการแจ้งต่อนักลงทุนว่า “บริษัทกำลังจะล้มละลาย”


ช่วงปลายเดือน พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา “จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป” (Zhongzhi Enterprise Group) บริษัทบริหารจัดการกองทรัสต์ (Shadow Banking) หรือ “ธนาคารเงา” รายใหญ่ในประเทศจีน มีเงินลงทุนภายใต้การจัดการกว่า 1 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 5 ล้านล้านบาท มีการแจ้งต่อนักลงทุนว่า “บริษัทกำลังจะล้มละลาย” ด้วยตัวเลขมูลหนี้สูงถึง 460,000 ล้านหยวน (ประมาณ 2.29 ล้านล้านบาท)

นั่นถือเป็นคำเตือนที่จุดชนวนความกังวลขึ้นว่า..วิกฤตหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ กำลังลุกลามเข้าสู่ภาคการเงินในวงกว้าง..!?

เนื้อหาจดหมายที่ส่งถึงนักลงทุน ลงวันที่ 23 พ.ย. 2566 “จงจื่อ” มีการขอโทษนักลงทุนและระบุว่าบริษัทมีหนี้สินรวมประมาณ 420,000-460,000 ล้านหยวน (ประมาณ 2.09-2.29 ล้านล้านบาท) เทียบหนี้สินกับสินทรัพย์โดยรวม ทำให้ “จงจื่อ” มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินประมาณ 200,000 ล้านหยวน (ประมาณ 9.9 แสนล้านบาท) และถือเป็นผู้เล่นหลัก “ภาคธนาคารเงา” ของจีน มีมูลค่ารวม 3 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 105 ล้านล้านบาท)

ล่าสุด 5 ม.ค. 2567 มีรายงานว่า “จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป” ธนาคารเงายักษ์ใหญ่ของจีน ยื่นล้มละลายต่อศาลแล้ว ด้วยตัวเลขหนี้สิน 460,000 ล้านหยวน (ประมาณ 2.29 ล้านล้านบาท) โดยศาลประชาชนระดับกลางของจีน แถลงผ่านบัญชี Wechat ว่า “ศาลตัดสินใจรับคำร้อง” คดีนี้แล้ว..

ปมปัญหาการเงินของจงจื่อ เริ่มตั้งแต่ 14 ส.ค. 2566 ที่มีการรายงานว่า “จงจื่อ” ไม่มีการจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนในผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงหลายรายการ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าประมาณ 150,000 ราย มูลค่าเงินลงทุน 230,000 ล้านหยวน (ประมาณ 2.64 ล้านบาท) 

“หยิง เยว่” (Ying Yue) ทนายความจากสำนักงานกฎหมายลีควล (Leaqual) นครเซี่ยงไฮ้ ประมาณการว่า เงินของนักลงทุน (มีสถานะเป็นเจ้าหนี้) 77% หรือมากกว่า 3 ใน 4 ที่ซื้อผลิตภัณฑ์การลงทุนกับ “จงจื่อ” อาจต้องสูญสลายหายไป จากมูลหนี้สินทั้งหมด  460,000 ล้านหยวน คาดว่ามีเพียง 100,000 ล้านหยวนเท่านั้นที่นักลงทุนในฐานะเจ้าหนี้จะสามารถไถ่ถอนคืนได้ และกระบวนการชั้นศาล..อาจล่าช้าและยืดเยื้ออีกนาน 

จากสินทรัพย์ 200,000 ล้านหยวนของจงจื่อ จะสามารถนำออกมาขายได้มากสุดประมาณ 100,000 ล้านหยวน นั่นหมายความว่านักลงทุนสามารถรับเงินคืนเพียงประมาณ 23% เท่านั้น

“ซุน เจี้ยนปั๋ว” (Sun Jianbo) ผู้ก่อตั้งบริษัทจัดการสินทรัพย์ไชน่าวิชั่น แคปิตอล (China Vision Capital) กรุงปักกิ่ง ระบุว่า โดยทั่วไปสินทรัพย์เน่าเสียจะถูกขายพร้อมส่วนลด 70% นั่นหมายความว่านักลงทุนอาจเรียกคืนเงินได้เพียงประมาณ 13%..!?

สำหรับ “ธนาคารเงา” หรือ Shadow Bank คือตัวกลางที่ทำหน้าที่คล้ายกับธนาคาร โดยรับฝากเงินจากลูกค้าไปปล่อยกู้ในรูปแบบของตราสารหนี้ (หุ้นกู้) หรือตราสารทุน (หุ้น) และให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินไว้กับธนาคารต่าง ๆ โดยการระดมทุน ธนาคารเงาเหมาะกับกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงบริการของธนาคารอย่างเพียงพอ หรือกลุ่มคนที่เข้าถึงบริการของธนาคารแต่เป็นการเข้าถึงด้วยต้นทุนสูง แต่ว่าสามารถเข้ามาระดมเงินทุนจากธนาคารเงาด้วยต้นทุนต่ำกว่าได้..!

จุดที่น่าสนใจคือ Shadow Bank จะไม่ถูกกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลเหมือนกับธนาคารทั่วไป นั่นจึงทำให้ “ธนาคารเงา” เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงและอาจสร้างความเสียหายแก่ระบบการเงินได้…

จาก “เอเวอร์แกรนด์” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์..มาสู่ “จงจื่อ เอนเตอร์ไพรส์ กรุ๊ป” ธนาคารเงายักษ์ใหญ่ สู่กระบวนการล้มละลาย กำลังเป็นตัวบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน..ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว..!?

Back to top button