จมกองเลือด?

ดูเหมือนประเด็นที่ “โมนิก้า” ประเมินไว้จะเป็นไปตามที่มองไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะหุ้นใหญ่กำลังถูกขายอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลางและหุ้นเล็กก็ประคองตัวรอดไปได้


ดูเหมือนประเด็นที่ “โมนิก้า” ประเมินไว้จะเป็นไปตามที่มองไว้ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะหุ้นใหญ่กำลังถูกขายอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลางและหุ้นเล็กก็ประคองตัวรอดไปได้ เดี๊ยนถึงมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้คือบททดสอบที่ทำให้นักเล่นได้รู้ว่า อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด! เพราะตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงควานหาฐานที่มั่นคง จึงมีอาการเหวี่ยงตัวไปมาที่รุนแรงกว่าปกติไงล่ะคะ

ด้วยเหตุนี้ถึงเชื่อว่า ดัชนีจะเจอกับอาการจมกองเลือดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้น ผสานกับสัญญาณเทคนิคส่อไปในทางพักตัว “โมนิก้า” ถึงมองการย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,418.45 จุด ลบไป 9.51 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.21 หมื่นล้านบาท ยังไม่มีอะไรต้องซีเรียสเหมือนเมื่อก่อน ยกเว้นดัชนีอ่อนตัวลงมาใกล้แนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,400 จุด..ก็ต้องคิดหนักนะจ๊ะ

เนื่องจากสิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้สูญเปล่าไปหมดทุกอย่าง และจะทำให้นักเล่นคิดแต่เรื่องร้าย ๆ จนหลงลืมไปว่า นี่เป็นเทศกาลเก็บหุ้นเพื่อรับเงินปันผล ขณะเดียวกันก็ยังมีลุ้นข่าวดีเกี่ยวกับผลงานไตรมาส 1 ปี 67 จะดีกว่าปี 66 จึงไม่น่าจะมีอะไรที่ย่ำแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อคิดในมุมของทฤษฎี ก็จะเห็นโอกาสในการลงทุนเปิดกว้างสุด ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องชีช้ำ เพราะในมุมของการปฏิบัติไม่ได้ไปในทางเดียวกันจ้า

โดยเฉพาะในรายของ PTTGC ดูเหมือนจะตั้งลำเพื่อไต่เพดานขึ้นต่อ พอเอาเข้าจริงกลับโดนเทแบบไม่มีเยื่อใย จนวานนี้ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 36.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 597 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สัมพันธ์โดยตรงกับผลงานอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้ามองจากสัญญาณเทคนิคที่โค้งตัวลงครั้งใหม่ ก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่ใช่น้อยนะตัวเอง

ขนาดตัวท็อปของนิคมอุตสาหกรรมอย่าง WHA ยังทำได้แค่แกว่งตัวสลับขึ้นลงเป็นฟันปลา ก็เป็นเรื่องที่ทำให้นักลงทุนต้องคิดหนักอย่างแน่นอน เพราะเป็นเวลา 4 เดือนครึ่งที่ราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบ 4.80-5.40 บาท และทำให้หุ้นตัวนี้กลายสภาพเป็นหุ้นเล่นรอบไปโดยปริยาย เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 4.96 บาท ลบไป 0.19 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 815 ล้านบาท เหมาะต่อการหาค่าขนมขนาดไหนจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของ CPN ซึ่งได้ชื่อเป็นหุ้นที่ฝรั่งชอบตัวหนึ่งของตลาดหุ้นไทย แต่ทันทีที่มีข่าวพาร์ตเนอร์ยื่นล้มละลาย ก็กลายเป็นหุ้นที่โดนทิ้งแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงกังวลว่า การยืนปิดที่ระดับ 65.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 777 ล้านบาท มันคงไม่จบแค่นี้กระมัง! และมีสิทธิ์ลงไปตั้งฐานแถว 61 บาท หากแนวรับ 64 บาทเอาไม่อยู่น่ะซี

อีกรายที่มีอาการไม่สู้ดี และอยู่ในวังวนแกว่งตัวลง “โมนิก้า” คงต้องหันไปมองที่หุ้น TLI เพื่อชี้ให้เห็นการยืนปิดที่ระดับ 9.40 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 12 เท่า มันเป็นเรื่องที่ชวนให้งงงวยพอสมควร เพราะมองในมุมของ BV ที่อยู่ในระดับ 8.64 บาท ผสานรวมกับอัตราเงินปันผลตอบแทนที่อยู่ในระดับ 3% ราคาหุ้นก็ควรไปได้ไกลกว่านี้ไม่ใช่เหรอคะ

สำหรับรายที่มีประเด็นให้นักเล่นต้องปวดกบาลไม่เลิกเสียที คงต้องมองไปที่ยักษ์หลับแห่งวงการรับเหมาก่อสร้างอย่าง ITD เพราะการยืดหนี้ออกไปเป็นเวลา 2 ปี มันกลายเป็นช็อตที่ทำให้ทุกคนช็อคซีนีม่าไปตามกัน เพราะมันหมายถึงบริษัทกำลังมีปัญหาจนสั่นคลอนความมั่นคง และเป็นเหตุให้นักเล่นพากันทิ้งหุ้นอุตลุด วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 0.85 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 12.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 79 ล้านบาทไงล่ะคะ

ตบท้ายกันที่หุ้น KEX กันดีกว่า! เพราะเป็นช่วงหวานชื่นของการร่วมหอลงโรง จึงทำให้ทุกอย่างดูสวยงามไปหมดทุกอย่าง แต่อย่างที่หลายคนรับรู้ก็คือ ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เผาเงินทิ้งทุกวัน และยังมีเรื่องสงครามราคาที่ทุกเจ้างัดเอามาใช้ “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า หลังจากเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ ต่อจากนั้นบริษัทจะดีจริงไหม? จึงอยากให้นักเล่นประเมินว่า การยืนปิดที่ระดับ 6.05 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 270 ล้านบาท ของจริงอ๊ะป่าว?

Back to top button