ฝากคนอื่นหายใจแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ราคาหุ้น บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER วิ่งขึ้นจากจุดต่ำสุด 0.93 สตางค์ใน 3 วันสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2558 ทะลุขึ้นมายืนเหนือ 1.20 บาท แม้ว่า ในวันที่ 29 ธันวาคม จะเป็นวันที่หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนมากถึง 3,189.297 ล้านหุ้น ที่เป็นผลพวงของการแปลงสิทธิวอร์แรนต์ SUPER-W2 ที่มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 10.0744 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 0.948 บาทต่อหุ้น คงจะทำให้บรรดานักล่าวอร์แรนต์ พากันชื่นหัวใจพอสมควร เพราะราคาหุ้นไม่ได้ร่วงลงไปจากจำนวนหุ้นที่มากขึ้น


ราคาหุ้น บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER วิ่งขึ้นจากจุดต่ำสุด 0.93 สตางค์ใน 3 วันสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2558 ทะลุขึ้นมายืนเหนือ 1.20 บาท แม้ว่า ในวันที่ 29 ธันวาคม จะเป็นวันที่หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนมากถึง 3,189.297 ล้านหุ้น ที่เป็นผลพวงของการแปลงสิทธิวอร์แรนต์ SUPER-W2 ที่มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 10.0744 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 0.948 บาทต่อหุ้น คงจะทำให้บรรดานักล่าวอร์แรนต์ พากันชื่นหัวใจพอสมควร เพราะราคาหุ้นไม่ได้ร่วงลงไปจากจำนวนหุ้นที่มากขึ้น

เมื่อไม่มีไดลูชั่น อย่างอื่นก็เป็นเรื่องเล็ก

ข้อดี นอกจากจะตกกับนักลงทุนที่แปลงสิทธิ ที่ไม่ขาดทุน ก็ยังเป็นผลดีต่อบริษัทโดยปริยายเพราะการที่มีคนยอมแปลงสิทธิจากวอร์แรนต์เป็นหุ้นสามัญ ซึ่งทำให้ทุนจดทะเบียนใหม่อยู่ที่ 2,734.945 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 2,416.016 ล้านบาท มีเงินสดเข้ามา 3,023.45 ล้านบาท เอาไปลงทุนต่อ เพราะโครงการที่ยังเหลือต้องทำมีอีกมากมายก่ายกอง

คำถามก็คือ ราคาหุ้นจะไปต่อได้อีกไกลแค่ไหน ไม่ใช่เจอแนวต้านเพียงแค่นี้ แล้วก็ถอยลงไปต่อ หลังจากที่นักลงทุนได้รับทราบคำพูดของ นายจอมทรัพย์  โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER ที่กล่าวว่า บริษัทจะทยอย COD ตามแผน โดยมีการก่อสร้างโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้งหมดที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จำนวน 501 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเสร็จในปี 2558 ทั้งหมด …แต่การจะ COD ได้ต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานภาครัฐ..”

พูดง่ายๆ ​คือ ฝากอนาคตของการทำรายได้และกำไรบริษัทไว้ที่หน่วยงานรัฐ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่เรียกกันว่า ragulatory risk เพราะหน่วยงานรัฐไทยนั้นเอาแน่นอนไม่ค่อยได้ นโยบายโอนเอนเหมือนสนต้องลม

ไม่ต่างอะไรกับฝากปลาย่างไว้กับแมว

ลองคิดดูก็แล้วกันว่า แม้ในเดือนธันวาคม SUPER จะพยายามออกแรงนับถอยหลัง เพื่อเข้าสู่ขั้นตอน COD เร่งรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเข้าระบบจาก การไฟฟ้าภูมิภาค (กฟภ.) แต่ก็ทำได้แค่โครงการโซลาร์ฟาร์มล็อตใหม่อีก  113.70 เมกะวัตต์  (MW) ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และอยู่ระหว่างการทดสอบระบบไฟฟ้าแรงดัน 115 เควี (AC withstand) อีก 10 โครงการ รวม 75 เมกะวัตต์ เท่านั้น

ผลลัพธ์ คือ รวมยอด COD ปีนี้เฉพาะของ SUPER มีอยู่เพียงแค่ 158.55 MW จาก 22 โครงการ แม้ผู้บริหารจะพยายามออกมาตอกย้ำว่า “สร้างเสร็จเกือบครบ 501 MW”

แม้ยังมีคำถาม ที่ว่าเกือบครบ..นั้นมันแค่ไหน? แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับเมื่อใดหน่วยงานรัฐจะรับซื้อไฟฟ้าเสียที

ที่สำคัญเพราะตั้งแต่กลางปี 2558 เป็นต้นมา นักลงทุน เชื่อตามที่นักวิเคราะห์เคยเชียร์ว่าหุ้น SUPER นี้ “ของจริง” เคยมองราคาหุ้นล่วงหน้าไปไกลที่คำพูดเมื่อกลางปีของผู้ถือหุ้นใหญ่ผู้บริหารที่ว่า ปี 2558  จะสามารถสร้างโซลาร์ฟาร์มได้ ไตรมาสละ 100 MW หรือ ตลอดทั้งปี 400 MW

ความแตกต่าง…ขอย้ำอีกครั้ง…ความแตกต่างระหว่าง 158.55 MW และ 400 เมกะวัตต์…แม้มีช่องว่างลดลงระหว่างก่อนหน้านี้ 36.95 เมกะวัตต์ ช่องว่างระหว่างการขายฝันของผู้บริหารกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นมากกว่าเส้นขนาน

ความแตกต่างนั้นไม่ใช่แค่ตัวเลขกำลังการผลิต แต่เป็นผลถึงรายได้ กำไร และ… ลงเอยที่ราคาหุ้นของ SUPER

การสร้างโครงการเสร็จเร็วตามเป้า แต่รายได้ไม่เข้า ก็ทำให้ต้นทุนวิ่งแซงรายได้และกำไรไปไกล ดังนั้น ก็ทำให้ราคาหุ้นไปต่อยาก เพราะไม่เข้าสูตร Let profit run

ราคาหุ้นที่รีบาวด์กลับมาที่ระดับ1.20 บาท จึงไม่ได้หมายความว่าเป็นราคาฐาน เพราะอาจจะเป็นแนวต้านที่ลดต่ำลงมาก็ได้ หากอนาคตบริษัทยังเป็นอย่างนี้

หลายไตรมาสมาแล้วที่ผลประกอบการของ SUPER ต่ำกว่าเป้าที่ผู้บริหารเคยให้คำมั่นเอาไว้เแม้จะงอกเงยขึ้นมา แต่การที่รายได้ต่ำกว่าคาด ไม่ทันต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความฝันที่เคยวาดไว้สวยหรูแต่ละไตรมาส มีผลมากต่อการลดทอนน้ำหนักความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญแล้วยังส่งผลสะท้อนมาที่ราคาหุ้นโดยตรง

COD ที่ต่ำกว่าเป้าหมายครั้งแล้วครั้งเล่า คือการขับไล่สาวกของหุ้นนี้ให้ถอนตัวจากไปเป็นนักลงทุนที่ระวังระไวมากขึ้น ไม่ภักดีเท่าเดิม

คล้ายคลึงกับที่นักลงทุนคลายเสน่ห์ที่เคยมีต่อหุ้นพลังงานทางเลือกตัวอื่นๆ ในหลายเดือนมานี้ จนชักเป็นกระแสขึ้นมากลายๆ เสมือนโรคระบาดอย่างไข้เลือดออก…ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

การเติบโตของบริษัทจากการเพิ่มทุนแต่รายได้ร่อแร่ที่ระดับต่ำและยังมีตัวเลขกำไรต่ำเป้าตลอด ยากที่จะเกิดสัญญาณขาขึ้นต่อเนื่องจริงจังในระยะอันใกล้

ที่ผ่านมา หลายคนบอกว่าถัวเฉลี่ยจนเบื่อเต็มทีแล้ว…เพราะความฝันที่ผู้บริหารขาย แม้ไม่เลือนหายไปทั้งหมด แต่ไม่เคยเติมเต็มสักที

ยิ่งล่าสุดโยนอนาคตให้ไปอยู่ในกำมือรัฐ…ยิ่งน่ากังวล เพราะถ้าเกิดหน่วยงานรัฐหยุดหายใจดื้อๆ กะทันหัน… อนาคตSUPER  ก็คงเป็นแค่ “บัลลังก์เมฆ” เท่านั้น 

Back to top button