อยู่ไม่ได้แล้ว?

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องจั่วหัวแบบนี้ ล้วนมาจากดัชนีไหลลงต่อเนื่อง จนเริ่มสงสัยว่า แนวรับสำคัญบริเวณ 1,400 จุดจะเอาอยู่ไหม?


สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องจั่วหัวแบบนี้ ล้วนมาจากดัชนีไหลลงต่อเนื่อง จนเริ่มสงสัยว่า แนวรับสำคัญบริเวณ 1,400 จุดจะเอาอยู่ไหม? และถ้าดูจากความกังวลเกี่ยวกับการเบี้ยวหุ้นกู้ ก็ต้องบอกกันตามตรงว่า ตอนนี้ทุกคนอยู่ในอาการขนหัวลุกกันเป็นแถว ซึ่งจะนำไปสู่การขายหุ้นแบบไม่ดูดำดูดี และจะเป็นต้นตอที่ทำให้บรรยากาศตลาดหุ้นอึมครึมขึ้นกว่าเดิมไงล่ะคะ

สถานการณ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับการอ่อนตัวของดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,408.24 จุด ลบไป 5.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.55 หมื่นล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเมื่อดูจากข่าวสารรอบด้านที่ผ่านเข้าหูตลอดเวลา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กลัวเรื่องเบี้ยวหุ้นกู้เหลือเกิน เพราะมันเป็นผลกระทบในวงกว้าง และทำให้หุ้นกู้ดี ๆ โดนหางเลขแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้..หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาเรียกความเชื่อมั่นกันแล้วล่ะ

ผนวกกับช่วงนี้มีประเด็นเกี่ยวกับผลงานไตรมาส 4 ปี 66 ไม่เข้าเป้าตามแผนงานที่วางไว้ จึงเป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนสาดหุ้นออกมาไม่ยั้ง เพราะเมื่อนั่งบวกลบคูณหารเบ็ดเสร็จพบว่า “เสียมากกว่าได้” จึงไม่มีใครอยากจะถือหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ แต่กระนั้นก็อยากให้นักเล่นเข้าใจด้วยว่า จังหวะนี้ยังมีหุ้นปันผลราคาถูกให้ซื้อเก็บเพียบ จึงต้องแยกแต่ละประเด็นให้ชัดเจนนะจ๊ะ

เหมือนกับสถานการณ์ของหุ้น COM7 ถูกกระหน่ำขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพราะมีข่าวหลุดออกมาในทำนองยอดขายไอโฟน 15 ในช่วงไตรมาส 4 ปี 66 พลาดเป้าไปเยอะ ขณะที่เดือนนี้คู่แข่งตัวฉกาจอย่างซัมซุงก็เปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่พอดี จึงกลายเป็นสองแรงบวกที่กดดันหุ้นอย่างหนัก เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นลงมาปิดที่ 23.20 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาทเจ้าค่ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น JMART ซึ่งเริ่มโรยตัวลงมาอีกครั้ง ก็มีลักษณะไม่ต่างจากรายข้างต้น แต่อาจจะดีกว่านิดหนึ่งตรงที่ค่ายนี้เป็นเกาหลี จึงมีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 1 ปี 67 “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินกันเอาเองว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 16.80 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 463 ล้านบาท มีโอกาสเด้งกลับมากน้อยเพียงใดพะย่ะค่ะ

ส่วนรายที่ถูกตอกฝาโลง และหมดสิทธิ์กลับมาโลดแล่นในสายตานักลงทุน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น ITD แบบไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะทุกวงเสวนาเศรษฐกิจพูดเหมือนกันว่า ใหญ่เกินกว่าจะให้ล้มก็จริง! แต่ในมุมของหุ้น มันไม่มีอะไรให้พิสมัยอีกแล้ว และการที่หุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 0.67 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 8.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 93 ล้านบาท จึงเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า อย่าไปยุ่งนะจะบอกให้

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงขนส่งสีส้มอย่าง KEX อีกครั้งแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะทันทีที่เห็นราคาหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 5.40 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท ก็รู้ได้ทันทีว่า นักเล่นไม่มั่นใจว่าธุรกิจจะกลับมาทำกำไร จึงเลือกใช้วิธีขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงอีกครั้ง และตรงนี้ก็เหมือนเป็นการบอกใบ้ให้คนเล่นได้รู้ว่า เกมนี้เดิมพันสูงนะตัวเอง

เม้าท์ถึงเรื่องแย่ ๆ มาพอสมควร “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงเรื่องดี ๆ บ้างดีกว่า และตัวที่อยากเม้าท์ก็คือ การคัมแบ็คของหุ้น MASTER หลังบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 พร้อมกับปิดไปที่ระดับ 62.75 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 5.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 333 ล้านบาท มันกลายเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด หลังหุ้นส่งสัญญาณว่า พร้อมขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าไงล่ะคะ

ส่วนคนที่ชอบหุ้นเล็กสตอรี่สวย ๆ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองไปที่น้องกิ๊ฟ GIFT หลังขยับขึ้นจากฐานหุ้นที่บริเวณ 2.80 บาทอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 3.44 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 6.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ปีนี้ต้องมีของดีมาโชว์แน่ ๆ ถึงมีการไล่ราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง และคนที่จะเล่าเรื่องราวได้ดีสุดก็หนีไม่พ้น “เฮียฮ้อ” นะจ๊ะ

Back to top button