เลือดนองตลาดหุ้น

จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากใช้คำพูดแบบนี้จั่วหัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยวานนี้ทำให้เดี๊ยนต้องสำเหนียกมากกว่าขึ้นกว่าเดิม


จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากใช้คำพูดแบบนี้จั่วหัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยวานนี้ทำให้เดี๊ยนต้องสำเหนียกมากขึ้นกว่าเดิมว่า อย่าหลงเข้าไปเล่นเกมของคนอื่นเป็นอันขาด และต้องกล้าตัดขายหุ้นขาดทุนเมื่อรู้ว่า ไปผิดทาง! โดยเฉพาะประเด็นที่เคยย้ำกับแฟนคลับเป็นประจำว่า หากดัชนีหลุด 1,400 จุดลงมาเมื่อไหร่! นักลงทุนต้องขายทิ้งเพื่อหลบไปตั้งหลัก..ยังจำได้บ่

ด้วยเหตุนี้ถึงทำ “โมนิก้า” ไม่ซีเรียสกับการทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 1,380.65 จุด ลบไป 21.07 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.67 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นเค้าลางที่ก่อตัวมาสักพัก และเมื่อทุกอย่างแตกโพละขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่เดี๊ยนทำใจยอมรับได้ในระดับหนึ่ง และไม่คิดจะฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรอีกต่อไป เนื่องจากโมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ขาลงแบบเต็มตัวอีกครั้งพะย่ะค่ะ

ประกอบกับการเล่นหุ้นเที่ยวนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความกังวลนานัปการ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า ต่อให้ผลงานของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่กับขนาดกลางจะออกมาดีเพียงใด ก็คงทำได้แค่บรรเทาการทิ้งตัวลงแรงเท่านั้น และไม่มีความจำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงในภาวะเช่นนี้ ยกเว้นมีความเชื่อว่า การทยอยสะสมหุ้นคุ้มค่ากับการลงทุน ก็ต้องรีบลงมือตั้งแต่ตอนนี้นะคะ

ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ก็ต้องออกตัวก่อนว่า แนวความคิดดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้กับหุ้นทุกตัว เพราะเมื่อเหลือบตามองหุ้นปูนใหญ่ SCC ก็จะพบกับคำว่า ลงไม่หยุด! แถมธุรกิจในกลุ่มอย่าง “ปูน กระดาษ ปิโตรฯ” ก็อยู่ในทิศทางชะลอตัวทั้งหมด เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ 273 บาท ลบไป 11 บาท หรือลงไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.74 พันล้านบาท ยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของเที่ยวนี้ หลังเศรษฐกิจโลกยังย่ำแย่น่ะซี

ส่วนอีกรายที่ทำให้เดี๊ยนยังช็อกไม่หาย ก็หนีไม่พ้นการร่วงลงของหุ้น WHA ซึ่งโดนกระหน่ำขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น และเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยมากในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา “โมนิก้า” เลยมองไม่ออกว่า การลงมาปิดที่ระดับ 4.56 บาท ลบไป 0.26 บาท หรือลงไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.38 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้อง “เข้าซื้อ” หรือ “ถอยร่น” กันแน่เจ้าค่ะ

คล้ายกับกรณีของ EA ที่ไหลลงมาเรื่อย ๆ จนลงมาทำโลว์ใหม่ของปีที่ระดับ 39.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 843 ล้านบาท ก็เป็นเกมที่ทำให้รู้ว่า เมื่อฝรั่งไม่เล่นเหมือนเมื่อก่อน ก็โยนหุ้นทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย และกลายเป็นเกมที่ทำได้แค่ดูอยู่ห่าง ๆ เพราะเมื่อมองเศรษฐกิจไทย กับเศรษฐกิจโลกควบคู่กันไป ก็ไม่เห็นหนทางที่จะดึงให้ฝรั่งกลับมาซื้อหุ้นไทยเลยพับผ่าสิ!

ขนาดหุ้นที่ว่า แข็ง ๆ แน่ ๆ และประคองตัวได้นานอย่าง HMPRO ยังถูกกระทืบจมกองเลือด “โมนิก้า” เลยสังหรณ์ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 11.20 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 5.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 697 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือน มันคือสัญญาณที่บอกอย่างชัดเจนว่า หุ้นจะลงไปทำฐานใหม่ที่ด้านล่าง และยังมองไม่ออกเหมือนว่า ฐานด้านล่างอยู่ตรงราคาไหนจ้า!

อีกรายที่ส่ออาการจะทำโลว์ใหม่ให้เห็นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BEM เพื่อชี้ให้เห็นการลงมาปิดที่ระดับ 7.65 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 542 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี 6 เดือน มันหมายถึงคนไม่เล่นกันจริง ๆ ทั้งที่ผลงานของบริษัทก็ยังดูดี และน่าจะดูดีขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำแบบนี้..เดี๊ยนบอกได้คำเดียวว่า อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง และรอให้ทุกอย่างสงบก่อนดีกว่านะตัวเอง

เช่นเดียวกับในรายของ XPG ที่มีแฟนคลับของ “หมอระเฑียร” ตามเชียร์แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะมีโปรเจกต์วาดฝันเยอะแยะไปหมดนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของจังหวะเวลามากกว่า และการขึ้นของหุ้นเที่ยวก่อน ก็เป็นผลมาจากบิตคอยน์ทะยาน เดี๊ยนเลยกังวลว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 1.12 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 11.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184 ล้านบาท มันส่อเค้าจะหลุด 1 บาทอีกรอบน่ะซี

Back to top button