พาราสาวะถี
จะถือเป็นโชคดีหรืออย่างไร ที่มีการเปิดเผยเอกสารความเห็นของ ป.ป.ช.ต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่
จะถือเป็นโชคดีหรืออย่างไร ที่มีการเปิดเผยเอกสารความเห็นของ ป.ป.ช.ต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ที่ เศรษฐา ทวีสิน มอบหมายให้ ภูมิธรรม เวชยชัย นั่งหัวโต๊ะแทน จนต้องมีการเลื่อนการประชุมออกไปก่อน เพราะเนื้อในของข้อทักท้วงที่แม้ นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.จะไขสือไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่วงในยืนยันว่านี่คือของจริง มันไม่ใช่ข้อเสนอแนะแต่เป็นการคัดค้านไม่ให้รัฐบาลเดินหน้านโยบายดังกล่าว
แน่นอนประสาผู้ได้รับบทเรียนมาแล้วจากโครงการจำนำข้าว ย่อมต้องถอยมาตั้งหลัก ดังนั้น แนวโน้มของโครงการจึงเป็นไปตามที่ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลังว่า ไม่ทันตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้คือพฤษภาคมนี้ วลีเด็ดก็คือ “รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เป็นอนุบาลทางการเมือง” เห็นอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร สิ่งที่ทำคืออะไร แม้จะออกตัวว่ามีหน้าที่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน และแก้ปัญหาให้กับประชาชน
การขวางชนิดที่พวกลากตั้งบางคนนำเอกสารไปแถลงข่าวใหญ่โต ย่อมทำให้เห็นภาพของเครือข่ายที่ล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาก่อนหน้าทั้งยุค ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งประธานคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้ของ ป.ป.ช.คือ สุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดว่า บทสรุปของความเห็นนั้นจะเป็นอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับว่าหลังจากนี้กรรมการ ป.ป.ช.จะมีมติตามที่คณะกรรมการศึกษาได้นำเสนอหรือไม่
กรณีของสุภานั้น จุลพันธ์พูดอย่างให้เกียรติว่าเป็นผู้ที่ติดตามนโยบายของรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาตลอดอยู่แล้ว ทั้งที่ความจริงคงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนึ่งในตัวแม่ของฝ่ายต้านระบอบอุปโลกน์อย่างระบอบทักษิณนั่นเอง สิ่งที่น่าสนใจจากความเห็นของจุลพันธ์ที่เหมือนเป็นสัญญาณการรับรู้จากฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะรัฐบาลว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น นั่นก็คือ ความเห็นของ ป.ป.ช. ค่อนข้างชัดเจนว่า มีการวางธงให้โครงการนี้เดินหน้าไม่ได้
ถือเป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่ไม่น้อย จากความจงเกลียดจงชังประชานิยม และการจองล้างจองผลาญทักษิณและเครือข่าย มันทำให้เรื่องที่พรรคการเมืองประกาศเป็นนโยบายไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ทันที ทั้งจากกลไกของขบวนการสืบทอดอำนาจที่วางเอาไว้ และการส่งเสียงเตือนมาจากองค์กรที่อ้างตัวว่าเป็นอิสระ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมีเสียงขานรับมาจากประชาชนผ่านการหาเสียงเลือกตั้ง และเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำเพราะได้สัญญากับประชาชนและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว
แต่เมื่อมีความเห็นของ ป.ป.ช.มาดักคอไว้เช่นนี้ ถามว่าใครจะกล้าขยับ เพราะสุดท้ายก็จะมีนักร้องไปยื่นให้ตรวจสอบ แล้วนำไปสู่การตีความ ใครจะกล้าการันตีว่าฝ่ายที่บอกว่าไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลดำเนินการไปแล้ว แม้จะถูกต้องอย่างไรจะไม่ถูกเล่นงานจากฝ่ายที่มีอำนาจในการชี้ถูกผิด ที่ต้องดูต่อไปคือ หากยึดว่าเป็นเพียงความเห็นที่แตกต่าง จะสามารถแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการตกผลึกจนโครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้หรือต้องล้มเลิกกันไป
ไม่เพียงแต่ความเห็น ป.ป.ช.ที่กำลังมาแรงในเวลานี้เท่านั้น ท่าทีและจุดยืนของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อโครงการนี้ของรัฐบาลก็ชัดเจน และยังมีความเห็นของกฤษฎีกาที่ทางรัฐบาลนำมาพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ได้เป็นการไฟเขียวหรือไฟแดง ไม่ได้ห้าม และไม่ได้สั่งการให้เดินหน้า เพราะไม่ใช่หน้าที่ ประสาคนทั่วไปก็คือ ความเห็นแบบแทงกั๊ก ถูกผิดให้รัฐบาลไปตัดสินใจเอาเอง แต่แนวโน้มที่ซ่อนไว้ในความเห็นคือ ไม่ต้องการให้ทำไม่ว่าจะออกเป็น พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ก.กู้เงินก็ตามที
กรณีเช่นนี้เราอาจจะได้เห็นภาวะความเป็นผู้นำของเศรษฐาก็เป็นได้ว่ากล้าที่จะตัดสินใจโดยยึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้งหรือไม่ ในเมื่อมองว่าความเห็นทั้งหลายอาจจะเต็มไปด้วยความหวังดีแต่เป็นการมองในมิติเชิงหลักการ เชิงวิชาการที่ว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต จนรัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องออกกฎหมายกู้เงิน เมื่อรัฐบาลมั่นใจว่ามันวิกฤตและจำเป็นก็ต้องกล้าที่จะเดินและพร้อมยอมรับผลที่จะตามมา
เมื่อจุลพันธ์ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มองเศรษฐศาสตร์เป็นแค่หนังสือแบบเรียน แต่มองในมิติความเป็นจริง และในมิติชีวิตของประชาชนที่เดือดร้อน เมื่อมีความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวตั้งแล้ว การเดินหน้าโครงการแล้วทำให้ความเดือดร้อนนั้นหมดไปได้ ก็ไม่น่าที่จะมีใครกล้าไปดำเนินการเอาผิด เว้นเสียแต่ว่า ผลของการดำเนินการมันล้มเหลว ตรงนั้น ย่อมเป็นความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจตัดสินใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความจริง อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพรรคร่วมรัฐบาลลำดับสองก็ย้ำแล้วว่า อะไรที่รัฐบาลทำแล้วไม่ผิดระเบียบ ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ และไม่ผิดกฎหมาย พรรคร่วมรัฐบาลก็พร้อมที่จะสนับสนุน เมื่อพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่จะทำเป็นประโยชน์มากกว่า จึงอย่ากังวลเกินไปจนไม่กล้าคิดหรือทำอะไร ขณะเดียวกัน แรงหนุนของกลุ่มชนชั้นที่มีพลังทางสังคมก็น่าจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้รัฐบาลตัดสินใจได้ไม่ยาก เพียงแต่อาจจะต้องมีพิธีกรรมที่ทำให้เห็นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ และฟังความเห็นทุกด้าน ทั้งที่ความจริงรู้อยู่แล้วว่าจะทำหรือไม่ทำ ถอยหรือเดินหน้า
ท่าทีทางการเมืองสำหรับเศรษฐาจนถึงนาทีนี้ต้องยอมรับว่าแม้จะหน้าใหม่แต่ไม่ใช่พวกอ่อนหัด เห็นได้จากการตอบคำถามเรื่องพวกลากตั้งล่าชื่อยื่นซักฟอกรัฐบาลได้ครบแล้ว เจ้าตัวไม่ได้หวั่นไหวประกาศพร้อมที่จะไปชี้แจง แต่ก็ตอกนิ่ม ๆ ความจริงอยากจะเอาเวลาไปทำงานมากกว่า นั่นหมายถึงการไม่ให้ราคากับความเคลื่อนไหวของพวกขาประจำบางราย ยิ่งมีการอ้างว่าพวกลากตั้งสายทหารบางรายก็ร่วมลงชื่อด้วยแล้ว มันก็คือความพยายามที่จะทำให้สังคมเห็นว่าคนในโครงสร้างอำนาจราชการปัจจุบันก็มีที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ทั้งที่คนที่ถูกอ้างถึงคืออดีตที่ต้องถามว่าผู้ที่อยู่ในตำแหน่งปัจจุบันยังนับถือ ศรัทธากันอยู่หรือไม่