ตัดขาดทุน

ท้ายสุดสิ่งที่ “โมนิก้า” เป็นกังวลก็เกิดขึ้นจริงจนได้ หลังนักลงทุนพากันถล่มหุ้นใหญ่แบบไม่ปรานี จนราคาร่วงลงเละเทะอีกครั้ง


ท้ายสุดสิ่งที่ “โมนิก้า” เป็นกังวลก็เกิดขึ้นจริงจนได้ หลังนักลงทุนพากันถล่มหุ้นใหญ่แบบไม่ปรานี จนราคาร่วงลงเละเทะอีกครั้ง และทำให้สถานการณ์เที่ยวนี้สาหัสกว่ารอบอื่น ๆ จนเริ่มวิตกถึงแนวรับบริเวณ 1,350 จุดจะเอาอยู่ไหม? เพราะสิ่งที่ทุกคนรับรู้มาระยะหนึ่งก็คือ หนี้เน่าปูด! ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจไทยไม่ดีเอาเสียเลย และส่อแววจะแย่ลงเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ

โดยเฉพาะการตั้งสำรองของแบงก์ที่สูงขึ้นดูผิดหูผิดตา มันคือสัญญาณอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในทุกธุรกิจ และเรื่องนี้ก็เริ่มเด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังผู้คนเริ่มบ่นถึงแผนกระตุ้นของรัฐบาล “เสี่ยนิด” มั่วแต่งมโข่งอะไรก็ไม่รู้? จึงไม่ประกาศแผนที่ชัดเจนออกมาเสียที ขณะเดียวกันก็ยังมีเสียงบ่นถึงนโยบายที่ออกมาก่อนหน้านี้ มันเห็นกันทนโท่ว่า ไม่เวิร์ค! แต่ก็ยังดันทุรังเดินหน้าทำต่อไปแบบนี้..เสียเวลาเรือหาย!

ด้วยเหตุนี้ถึงไม่ต้องแปลกใจที่ดัชนีรูดลงมาปิดที่ระดับ 1,356.54 บาท ลบไป 13.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.86 หมื่นล้านบาท เพราะมันไม่มีอะไรมายับยั้งแรงขายที่ออกมาด้วยความตื่นกลัว และเรื่องนี้ก็ทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงการขยายเวลาเทรดของตลาดหุ้นไทย มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย แต่พวกพรี่..พรี่..ก็ตะบี้ตะบันจะทำให้ได้แบบนี้ “โมนิก้า” รู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินสำหรับความคิดตื้นเขินของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยพะย่ะค่ะ

งานนี้หากต้องการรู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมด ก็แค่เดินไปถามนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ จะพบว่า ทำไปเพื่อ? เพราะวันนี้เห็นกันเต็มสองลูกตาว่า วอลุ่มเทรดที่มาเยอะ ๆ มันเกิดขึ้นตอนครึ่งชั่วโมงแรก กับครึ่งชั่วโมงท้ายของการเปิดเทรดแต่ละรอบ “โมนิก้า” ถึงกล้าฟันธงแบบไม่กลัวด้ามธงหักว่า หากวันนี้ดัชนีไม่เด้งอย่างที่ควรจะเป็น ก็ควรตัดใจขายขาดทุนไปเลยดีกว่านะออเจ้า

เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันยังต้องรับแรงกดดันจากฝรั่งขายไม่เลิก “โมนิก้า” ถึงมองไม่ออกจริง ๆ ว่า ตลาดหุ้นไทยจะเอาอะไรมาขึ้น! เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มองโลกในแง่ร้ายกันเป็นแถว พร้อมกับตั้งคำถามว่า หุ้นที่ยืนบวกได้วันนี้ วันถัดไปจะยืนระยะได้ไหม? ซึ่งเป็นประเด็นที่กัดกร่อนความมั่นใจของนักลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ นะจะบอกให้

โดยเฉพาะในมุมของแรงขายที่สาดใส่หุ้น CPF แบบมาราธอน จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 17.10 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 712 ล้านบาท มันคือภาพความกังวลที่ชี้ให้เห็นว่า วันนี้บริษัทใหญ่ ๆ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไร ส่งผลให้หุ้นทำนิวโลว์อย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และปีนี้อาจได้เห็นราคาหุ้นถูกลงอีกเรื่อย ๆ นะจ๊ะ

คล้ายกับกรณีของ COM7 ก็มีประเด็นให้แฟนคลับขาประจำต้องคิดหนักเช่นกัน เพราะการที่หุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 20.60 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 525 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวโลว์ตั้งแต่ต้นปีแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ท้าทายสำหรับคนที่จะเข้าไปเก็บหุ้น เพราะในมุมของการเทรดบน PE 16 เท่าถือว่าน่าเล่นจริง ๆ แต่ถ้ามองไปข้างหน้าแล้วพบว่า กำไรส่อแววลดลงแบบนี้..ก็ไม่น่าเสี่ยงนะคะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น DOHOME ขึ้นมาทันที เพราะเมื่อมองจากนิวโลว์ก่อนราคาหุ้นจะเด้งแรงที่บริเวณ 8.60 บาท มันกลายเป็นเกมที่บังคับให้ต้องอยู่ห่าง ๆ เป็นการชั่วคราว และเรื่องนี้ก็เป็นการสะท้อนถึงความกังวลที่มีต่อกำลังซื้อของภาคประชาชนได้เป็นอย่างดี เดี๊ยนเลยไม่อยากคอมเมนต์การยืนปิดที่ระดับ 9.80 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 83 ล้านบาทพะย่ะค่ะ

หนักสุดของเที่ยวนี้ต้องมองไปที่หุ้นลังกระดาษ SCGP หลังถูกสาดทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นลงมาทำ all time low นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นที่บริเวณ 30.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 311 ล้านบาท มันคือภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนสถาบันมีความกังวลต่อความสามารถในการเบ่งกำไร จึงเลือกใช้วิธีตัดขายหุ้นเพื่อไม่ให้เจ็บหนักก็เท่านั้นเองจ้า!

Back to top button