พิธารอด VS จีดีพี 1.8%
บรรยากาศช่างคอนทราสต์ตัดกันเหลือเกิน ระหว่างข่าวพิธารอดคดีถือครองหุ้นสื่อ กับข่าวปล่อย GDP หรืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแค่ 1.8% ในปี 2566 ที่ผ่านมา
บรรยากาศช่างคอนทราสต์ตัดกันเหลือเกิน ระหว่างข่าวพิธารอดคดีถือครองหุ้นสื่อ กับข่าวปล่อย GDP หรืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแค่ 1.8% ในปี 2566 ที่ผ่านมา
ข่าวปล่อยจากกองโฆษกรัฐบาล นำเอกสารตีตรา “ลับ” จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุการคาดการณ์จีดีพีจะเติบโตแค่ 1.8% ทั้ง ๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเคยคาดการณ์ไว้ช่วงต้นปีว่าจะเติบโตถึง 2.3%
มันเหมือนบลัฟกันในทีระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยกับรัฐบาล ที่กำลังมีวิวาทะกันอย่างรุนแรงในเรื่องเศรษฐกิจไทยเข้าขั้น “วิกฤต” แต่ธปท.เห็นต่างว่าเป็นแค่ “ชะลอตัว” เท่านั้น
ดัชนีหลักทรัพย์ที่ปิดบวก 2.79 จุดอยู่ดี ๆ ในภาคเช้าวันอังคารที่ 23 ม.ค. เคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนเป็นติดลบทันทีเมื่อเปิดภาคบ่ายมาจนปิดตลาดที่ (-13 จุด) เพราะซึมซับข่าวร้ายที่เศรษฐกิจโตต่ำคาด
ก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นนี่แหละ! ปกติ คนเป็นรัฐบาล มักจะชอบตัวเลขเศรษฐกิจสวย ๆ แต่รัฐบาลชุดนี้กลับชอบตัวเลขเศรษฐกิจต่ำ ๆ ก็แปลกดี
ส่วนข่าวพิธาหลุดคดีถือครองสื่อ กลับตาลปัตร ตลาดหลักทรัพย์ฯ วันพุธที่ 24 เคลื่อนไหวในแดนบวก-แดนลบอยู่ดี ๆ จนปิดภาคเช้าที่ 3 จุด แต่พอข่าวพิธารอด! ออกมาช่วงต้นเปิดตลาดภาคบ่ายปุ๊บ ดัชนีพลิกเป็นบวกอย่างแรงจนปิดตลาดที่ 24.65 จุด
มันเป็นหนังคนละม้วน! สตอรี่ที่แตกต่างกัน ก็ก่อเกิดผลลัพธ์ต่อตลาดหุ้นที่แตกต่างกัน
เรื่องราวของพิธา อาจจะได้เฮกันยาวไปถึงคดีที่จะตัดสินกันวันที่ 31 ม.ค.ปลายเดือนนี้ กรณีหาเสียงเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ที่ประกาศจะแก้ไขมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา
เพราะผู้ร้องคดี ร้องให้หยุดการกระทำหาเสียงเยี่ยงนี้ ไม่ใช่ขอให้ยุบพรรคก้าวไกลหรือตัดสิทธิทางการเมืองพิธา โดยหลักการทั่วไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญคงไม่ตัดสินเกินเลยไปจากคำขอของ “ผู้ร้อง”
ตลาดหุ้นแห่งไหน ๆ ในโลก ก็ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพา “สตอรี่” ที่จะเข้ามาส่งผลกระทบทั้งด้านดี-ด้านร้ายต่อตลาดทั้งสิ้น
เช่นตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกงเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับข่าวที่ดีมาก ๆ ว่า รัฐบาลจีนเตรียมเงินก้อนโตจากกองทุน 2 ก้อน เพื่ออัดฉีดเงินพยุงหุ้นในตลาดที่กำลังซบเซาอย่างหนัก
ก้อนหนึ่ง 2 ล้านล้านหยวนหรือ 2.78 แสนล้านดอลลาร์จากบัญชีต่างประเทศ เข้ามาซื้อหุ้นในประเทศผ่านทางตลาดหุ้นฮ่องกง ส่วนอีกก้อนหนึ่งจำนวน 3 แสนล้านหยวน สำหรับเข้าซื้อหุ้นโดยตรงในตลาดหุ้นฮ่องกง
นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ทั้งแก้ปัญหาตลาดหุ้นและเงินหยวนที่อ่อนค่าพร้อมกันไปด้วย ทั้งตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง ฟื้นตัวอย่างแรงในวันถัดมา
สำหรับตลาดหุ้นไทยช่วงเกือบ 5 เดือนมานี้ ยังหา “สตอรี่” อะไรที่โดน ๆ อย่างนี้ไม่มี สตอรี่เรื่อง “ดิจิทัล วอลเล็ต” และ “แลนด์บริดจ์” ก็ยังไม่โดน เพราะ “เล่นท่ายาก” เกินไป
ก็คงจะต้องเสาะหาสตอรี่ที่โดนกันต่อไป หรือจะรอสตอรี่ “พิธารอดยาว” ในการตัดสินคดีวันที่ 31 ม.ค.อีกคดีเสียก็ไม่รู้