ซาอุดีอาระเบียสู่เสรีทางสังคม
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลก..นั่นคือ “การเปิดเสรีทางสังคม” ในราชอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาอิสลาม
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลก..นั่นคือ “การเปิดเสรีทางสังคม” ในราชอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาอิสลาม ด้วยเปิด “ร้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” แห่งแรกในรอบกว่า 70 ปี สอดคล้องแผนของ “มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน” ที่ต้องการเปลี่ยนซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และเพื่อให้เศรษฐกิจมีความหลากหลายมากขึ้น
ทำให้ซาอุดีอาระเบีย มีโครงสร้างเศรษฐกิจหลากหลาย ลดความเสี่ยงการพึ่งพาน้ำมันดิบเพียงอย่างเดียว.!?
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ประเทศซาอุดีอาระเบีย เตรียมเปิดร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งแรกของประเทศ ที่ย่านอาส-ซาฟารัต (As-Safarat) ย่านการทูตในเมืองริยาด (Riyadh) เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย โดยร้านดังกล่าวถือเป็นร้านจำหน่ายแอลกอฮอล์แห่งแรกรอบกว่า 70 ปี นับตั้งแต่มีกฎหมายห้ามครอบครอง หรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี ค.ศ. 1952
การบริการร้านจำหน่ายแอลกอฮอล์แห่งนี้ จะเปิดให้บริการเฉพาะนักการทูต ที่ไม่ได้เป็นชาวมุสลิมเท่านั้น และมีการกำหนดเงื่อนไขการใช้บริการ เช่น ต้องเป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี ต้องมีการลงทะเบียนกับกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนเข้าใช้บริการ ต้องแต่งตัวให้เหมาะสมและไม่สามารถส่งตัวแทนมาใช้บริการแทนได้
โดยมีการจำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ละเดือน อยู่ที่ 240 คะแนนต่อเดือน ซึ่งเครื่องดื่มแต่ละชนิดจะคิดเป็นคะแนนไม่เท่ากัน คือ สุรา (เหล้า) 1 ลิตร คิดเป็น 6 คะแนน ไวน์ 1 ลิตร คิดเป็น 3 คะแนน และเบียร์ 1 ลิตร คิดเป็น 1 คะแนน
ส่วนบรรดาชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช่นักการทูต..ยังไม่มีคำยืนยันจะเป็นลำดับถัดไปหรือไม่..!?
ในอดีต “ซาอุดีอาระเบีย” มีข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นไปตามศาสนาอิสลาม และมีการประนีประนอมให้สามารถจำหน่ายได้บ้าง
แต่พอเกิดเหตุการณ์ “เจ้าชายมิชารี บิน อับดุลอาซิซ อัล-ซาอูด” มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย (ขณะนั้น) ยิงนายซีริล อุสมาน รองกงสุลอังกฤษ จนเสียชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1951 เนื่องจากรองกงสุลอังกฤษคนดังกล่าว ปฏิเสธที่จะเทเครื่องดื่มให้พระองค์ในงานเลี้ยง..!!
จึงทำให้ “กษัตริย์อับดุลอาซิซ” ทรงสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิง หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ต่อมา “เจ้าชายมิชารี” ถูกตัดสินว่ามี “ความผิดฐานฆาตกรรม”
สำหรับบทลงโทษเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่ออยู่ในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทั้งบริโภคหรือครอบครองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เริ่มตั้งแต่การถูกสั่งปรับ จำคุก เฆี่ยนในที่สาธารณะและเนรเทศ
จุดเริ่มต้นการเปิดร้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แห่งแรกครั้งนี้ เริ่มจากเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่ต้องการเปิดประเทศ ที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมแบบเข้มข้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและธุรกิจ และเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาประเทศ ภายใต้ Saudi Vision 2030
ที่ผ่านมา..เริ่มทยอยผ่อนคลายกฎระเบียบบางอย่าง อาทิ การเปิดประเทศสำหรับการท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่ศาสนา การจัดคอนเสิร์ต การอนุญาตให้ผู้หญิงขับรถ การแยกชายและหญิงในที่สาธารณะ การกำหนดให้ผู้หญิงสวมเสื้อคลุมสีดำ หรืออาบายา และการปราบปรามผู้เห็นต่างและคู่แข่งทางการเมือง..
โดยแผน Saudi Vision 2030 รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมท้องถิ่น และการเป็นศูนย์กลาง ด้านโลจิสติกส์ และมีเป้าหมายจะเพิ่มการจ้างงานให้คนในประเทศมากขึ้น
นี่คือปฐมบทการเจือจางแนวคิด “อนุรักษ์นิยมแบบเข้มข้น” เพื่อสร้างพัฒนาการทางเศรษฐกิจ ที่มีพลวัตการเปลี่ยนแปลงรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา