กลัวแบงก์..ขยาดพลังงาน
วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งทบทวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนียังมีโอกาสทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งไหม?
วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งทบทวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนียังมีโอกาสทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งไหม? รัฐบาลเพื่อไทยจะคงสภาพสะเปะสะปะอีกนานแค่ไหน? รวมทั้งความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกจะเริ่มสงบเมื่อไหร่? ล้วนเป็นคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้จริง ๆ จึงเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เดี๊ยนยังยืนยันให้แฟนคลับขายหุ้นต่อไปไงล่ะจ๊ะ
ดูได้จากการเคลื่อนตัวของดัชนีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งการทิ้งตัวลงแรง ต่อมาดัชนีก็พุ่งกระฉูด ก่อนจะจบลงด้วยโดนกระหน่ำขายทิ้ง โดยที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,368.15 จุด ลบไป 7.94 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.82 หมื่นล้านบาท และมีโอกาสที่ดัชนีจะลงมาทดสอบแนวรับ 1,350 จุด อีกหนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมหุ้นที่ไวมากเหลือเกิน และเหมาะสำหรับนักผจญภัยอย่างแท้จริงนะออเจ้า
ที่น่าสนใจในเที่ยวนี้คือ บรรดาขาเม้าท์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้นักเล่นรู้สึกกลัวหุ้นแบงก์สุด ๆ ขณะเดียวกันก็ขยาดหุ้นพลังงานเหลือเกิน รวมทั้งไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหุ้นตัวอื่น ๆ แบบนี้ “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะว่า พวกพรี่พรี้จะขยายเวลาเทรดไปทำพรือ? และผลลัพธ์ที่ออกมาจะคุ้มค่าไหม? รวมทั้งยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ผู้คนเขาแซะทีมเศรษฐกิจอีกมากมายแบบนี้..อายเขาไหมล่ะ!
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็บอกได้ทันทีว่า แบงก์ตัวทีเด็ดอย่าง KTB คงซึมกระทืออีกนานพอสมควร เพราะผู้คนยังรู้สึแหยง ๆ กับการตั้งสำรองเป็นจำนวนมาก จึงไม่มีใครกล้าไล่หุ้นเหมือนก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นถึงยืนปิดที่ระดับ 16.10 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.36 พันล้านบาท ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นแกว่งตัวออกด้านข้างต่อไปอีกระยะหนึ่งนะจะบอกให้
เช่นเดียวกับในรายของ PTT ก็โดนแรงกดดันสารพัดอย่างจากรอบด้าน แต่ราคาหุ้นก็ยังพอประคองตัวได้แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ก็จริง แต่ในอีกมุมหนึ่งเหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่า นักเล่นไม่กล้าลุย และทำให้แนวต้านสำคัญที่บริเวณ 36 บาทกลายเป็นด่านหิน (2 ครั้งที่ผ่านมายังผ่านตรงนี้ไปไม่ได้) “โมนิก้า” ถึงอยากถามนักเล่นว่า การยืนปิดที่ระดับ 34 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 580 ล้านบาท หมายความว่าไง?
ส่วนหุ้นตัวอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากแบงก์กับพลังงานก็คือ JKN หลังโดนรินขายออกมาเรื่อย ๆ จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.03 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 14.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 669 ล้านบาท ทั้งที่ช่วงเช้าดันขึ้นไปถึง 1.40 บาท แต่พอสาย ๆ กลับกลายเป็นหนังคนละม้วนแบบนี้ “โมนิก้า” ขอเดาว่า น่าจะผ่านช่วงแฮปปี้สุด ๆ ไปแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นช่วงของโลกแห่งความจริง (หนี้ท่วมหัวมันน่าเล่นตรงไหน?) พะย่ะค่ะ
คล้ายกับกรณีของ ITD ซึ่งเป็นหุ้นที่ติดหนี้ชาวบ้านไปทั่วทุกแห่งหน และตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นเคยจ่ายปันผลกับเขาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้? เดี๊ยนถึงรู้สึกหวั่นใจทุกครั้งที่เห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นต่อเนื่อง เพราะสุดท้ายก็ไปต่อไม่ไหวอยู่ดี เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 0.76 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 105 ล้านบาท มันเป็นจุดที่นักเล่นต้อง “ขาย” หรือ “ซื้อ” กันแน่!
เหมือนกับคนที่ต้องการความเร้าใจในชีวิต ก็ต้องมองไปยังหุ้นร้อนที่เดี๋ยวลากเดี๋ยวทุบอย่าง PRIME เป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเดาเกมกันเอาเองว่า การดันหุ้นจาก 0.60 บาท ขึ้นไปถึงระดับ 0.79 บาท ต่อจากนั้นกดตูมเดียวลงมาปิดที่ระดับ 0.71 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 221 ล้านบาท มันเป็นเกมโหดสมคำร่ำลือจริงไหม?..อิอิอิ
เช่นเดียวกับในรายของ NCL ที่ดันราคาหุ้นขึ้นจาก 0.74 บาท ขึ้นไปที่ระดับ 0.97 บาท และถัดมาอีกวันก็ดันหุ้นขึ้นไปที่ 1.22 บาท แต่พอถึงช่วงเวลาปิดตลาดดันยืนอยู่ที่ 0.97 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 139 ล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องอันตรายสำหรับพวกมือใหม่ เพราะไม่รู้ว่า เที่ยวนี้เอาสตอรี่อะไรมาปั่นกระแส หลังจากเที่ยวก่อนมีประเด็นกลุ่มทุนใหม่เข้ามาเซ้ง แต่สุดท้ายดีลไม่ดันตามที่ตกลง..คนวงในเขายังจำได้ดีนะพ่อคุณ