ขุดบ่อล่อปลา?
สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องจั่วหัวออกไปในทำนองนี้ ล้วนมาจากการเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วงเดือน ม.ค. ปรับตัวขึ้นแค่ 5 วัน (รวมวานนี้เข้าไปแล้ว)
สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องจั่วหัวออกไปในทำนองนี้ ล้วนมาจากการเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วงเดือน ม.ค. ปรับตัวขึ้นแค่ 5 วัน (รวมวานนี้เข้าไปแล้ว) ส่วนที่เหลือคือวันที่ดัชนีมุดหัวลงดิน ผสานกับข่าวสารที่ออกมาในแต่ละวัน ก็มีแต่เรื่องร้ายเป็นส่วนใหญ่ทั้งนั้น เดี๊ยนเลยกังวลว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,376.28 จุด บวกไป 8.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.93 หมื่นล้านบาท จะเป็นแผนขุดบ่อล่อปลาอีกน่ะซี
ที่น่าสนใจก็คือ ท่าทีของนักลงทุนต่างชาติยังไม่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นไทย ถึงแม้จะมีข่าวเรื่องเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยออกมาเป็นระลอก แต่หลังจากนั้นก็กระหน่ำขายหุ้นออกมาไม่หยุดหย่อน จนยอดขายสุทธิของเดือนนี้ปาเข้าไปเกือบ 3 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกกะใจมาก ๆ สำหรับตลาดหุ้นที่ได้ชื่อว่า น่าลงทุนแห่งหนึ่งของโลก และเป็นการตอกย้ำให้รู้ว่า ทุกอย่างยังไม่นิ่งนะจ๊ะ
อีกเรื่องที่เป็นประเด็นก็คือ ถ้าดูลักษณะการเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นหลักจะเห็นว่า ทุกครั้งที่ดัชนีลงมาถึงระดับ 1,350 จุด ดัชนีมักเด้งกลับขึ้นไปเป็นประจำ ซึ่งทั้ง 2 ครั้งที่เด้งกลับก็จะไปป้วนเปี้ยนแถว 1,430 จุด “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า เที่ยวนี้จะทำได้เหมือนกับครั้งก่อนไหม? เพราะปัจจัยแวดล้อมมันไม่มีอะไรที่ทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า เที่ยวนี้จะดีกว่าครั้งก่อนอย่างเป็นรูปธรรมนะซี
ขนาดในรายของ ADVANC มีของดีออกมาโชว์เรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ประคองตัว และทำให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นขยับตัวไปในกรอบ 215-220 บาทเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับทิ้งคำถามให้นักเล่นประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ระดับ 218 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 549 ล้านบาท ยังน่าเล่นไหม? และเรื่องของเวอร์ชวลแบงก์จะสำเร็จมรรคผลเมื่อไหร?..อิอิอิ
ส่วนรายที่ “โมนิก้า” คิดว่า เจ๋งสุดในเที่ยวนี้กลายเป็นน้องท็อป TOP เพราะเป็นหุ้นบลูชิพเพียงไม่กี่ตัวที่พยายามยกฐานสูงขึ้นเรื่อย ๆ และการขึ้นมาปิดที่ระดับ 54.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 816 ล้านบาท ก็เป็นราคาไฮที่เคยทำไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน แต่ต่างกันตรงที่เที่ยวนี้มาพร้อมกับการทำ Triple top จึงเชื่อได้ว่า ราคาหุ้นน่าจะไปต่ออีกนะจ๊ะ
สำหรับรายที่ม่อยกระรอกชนิดที่กู่ไม่กลับ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น DELTA ซึ่งพักหลังมีแต่ “ทรงกับทรุด” และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 79 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 3.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 พันล้านบาท และเป็นราคาต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน มันน่าจะเป็นสัญญาณที่บอกให้คนเล่นต้องหาจังหวะถอยแล้วกระมัง! เพราะสถานการณ์วันนี้ไม่เหมือนกับวันวานไงล่ะคะ
เมื่อสถานการณ์ของหุ้นใหญ่ไม่เป็นใจ จึงทำให้นักเล่นหันไปหาหุ้นเก็งกำไรเต็มตัว และตัวที่โดดเด่นสุดของวานนี้ก็คือ PRIME เพราะมีแรงซื้อไหลเข้ามาตลอดทั้งวัน จนดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.88 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 23.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 358 ล้านบาท ถือเป็นช็อตที่บอกให้ขาลุยรู้ว่า เจ้ามือกลับเข้ามารันงานเต็มตัว และต่อจากนี้จะเคาะกันมัน ๆ เพราะกลุ่มทุนใหญ่คุมเกมได้แล้วเจ้าค่ะ
อีกรายที่กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการเก็งกำไร “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น CV หลังถีบตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.52 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 15.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบวกต่อเนื่องวันที่ 2 จนพวกนักเล่นเชื่อไปในทางเดียวกันว่า วันนี้ยังมีโอกาสเล่นต่อ เพราะสตอรี่เทิร์นอะราวด์ยังขายได้ดีในช่วงที่นักเล่นโหยหาความหวังใหม่ ๆ นะจะบอกให้
ตบท้ายกันที่หุ้น NER เพื่อชี้ให้เห็นการไต่ระดับขึ้นอย่างเงียบ ๆ จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 5.35 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 89 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 9 เดือน ถือเป็นการวิ่งขึ้นมารับข่าวดีเรื่องเพิ่มกำลังผลิตแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมแนะนำให้เล่นตามน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกันยังมีปันผลเป็นของแถมติดปลายนวมอีกต่างหาก..ลุยเลยสิคะ