พาราสาวะถี

หลังจากนี้จะได้เห็นคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยพูดกันถึงการเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตถี่ขึ้น จากการที่ เศรษฐา ทวีสิน ประกาศชัด “อยากเร่งรัด อยากจะรีบ ๆ ทำ” พร้อมตั้งคำถามว่า จำเป็นต้องรอข้อทักท้วงจาก ป.ป.ช.หรือไม่ และที่ ป.ป.ช.บอกว่ารอรัฐบาลนั้นหมายถึงรออะไร ก่อนหน้านั้นผู้จัดการรัฐบาลอย่าง ภูมิธรรม เวชยชัย ก็บอกไปแล้วว่า ข้อเสนอแนะขององค์กรดังว่าเป็นเพียงสิ่งที่พึงสังวรเอาไว้ ไม่ใช่ข้อปฏิบัติที่จะต้องทำตาม

นั่นจึงทำให้เศรษฐากล้าที่จะพูดว่า “ก็จะทำ พยายามทำให้ดีที่สุด และเร็วที่สุด” สิ่งที่เหลือคือจะทำอย่างไร ภายใต้ข้อเสนอแนะที่ยั้วเยี้ยไปหมด เมื่อเชื่อว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเครื่องจักรอันใหญ่ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลจะไม่ทำหรือต้องถอย ประเด็นเรื่องเงินที่จะนำมาใช้จึงอยู่ที่ว่าจะออกเป็น พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ก.เท่านั้น มาถึงนาทีนี้ทีมการเมืองพรรคแกนนำรัฐบาลประเมินผลพวงทั้งหมดแล้วสรุปว่า มีโอกาสได้มากกว่าเสีย

ภายใต้การหารือร่วมกันระหว่างเศรษฐาและแกนนำของพรรคเพื่อไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มองทะลุกันว่า กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านนั้น ต่อให้อธิบาย ชี้แจงอย่างไร ก็คงไม่สนับสนุน ที่ทำได้คือ ปรับเปลี่ยนเพื่อให้ลดข้อครหา หรือสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเรื่องให้ถูกดำเนินการทางกฎหมายให้น้อยที่สุด เมื่อทุกอย่างไม่มีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญหรือผิดกฎหมาย ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะทำความเข้าใจกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องเสียงในสภา

จากการพูดคุยกับบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ต่างเห็นตรงกันว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่จะไม่ทำ การยกเลิกจะมีความเสียหายมากกว่า ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลต่างได้รับสัญญาณในทิศทางเดียวกันจากเสียงที่ไม่ใช่ สส.และพรรคการเมือง แต่มีพลังให้สนับสนุนเรื่องนี้ของพรรคเพื่อไทยเต็มที่ เช่นเดียวกับ พวกลากตั้งส่วนใหญ่ที่เสียงต้านน้อยกว่าเสียงหนุนมาก

การวัดบารมีของพวกลากตั้ง ดูได้จากการยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลตามมาตรา 153 ที่พวกขาประจำต้องการจะเร่งเร้าให้เศรษฐาและคณะมาชี้แจงให้ได้ภายในกลางเดือนนี้ แต่ซีกกุมอำนาจย้ำแล้วว่านายกรัฐมนตรีมีภารกิจทั้งในและต่างประเทศตลอดเดือนกุมภาพันธ์ จึงสะดวกตั้งแต่หลังวันที่ 20 มีนาคมเป็นต้นไป หรือเร็วกว่านั้นได้แค่ไม่เกิน 2 วัน นั่นก็คือ 18 มีนาคม เท่านี้ ก็ทำให้เห็นแล้วว่ากระบวนการกระชับอำนาจของกลุ่มอำนาจใหม่นั้นเป็นอย่างไร

การปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายหรือข้อบังคับของสภา เพราะการจะอภิปรายในทำนองนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายนิติบัญญัติจะเป็นผู้กำหนดแต่ฝ่ายเดียว ต้องให้ทางผู้ถูกอภิปรายคือรัฐบาลเป็นฝ่ายกำหนดวันเวลาที่สะดวก เนื่องจากภารกิจในการบริหารประเทศ ส่วนจะมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่อย่างไร ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้แยแสอยู่แล้ว ในเมื่อตัวตั้งตัวตีของพวกลากตั้งก็เห็นกันอยู่แล้วว่าไผเป็นไผ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ และไม่ให้ราคากันเสียด้วยซ้ำไป

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เศรษฐาพยายามเร่งดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อที่จะให้มีความชัดเจนก่อนจะไปตอบคำถามของพวกลากตั้ง ส่วนประเด็นสำคัญคือการได้รับการพักโทษหรือไม่ของ  ทักษิณ ชินวัตร ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่มีผลอย่างใหญ่หลวงต่อการยื่นซักฟอกครั้งนี้ของพวกลากตั้ง หากอดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษก่อนที่จะมีการอภิปราย เนื้อหาและประเด็นที่จะหยิบยกนำมาโจมตีย่อมอ่อนด้อยไปด้วย จะพาดพิงไปจุดไหน ฝ่ายที่รับผิดชอบก็สามารถอธิบายได้ด้วยตัวบทกฎหมาย

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่ขบวนการสืบทอดอำนาจอยู่ในตำแหน่ง พวกลากตั้งไม่เคยคิดแม้แต่จะยื่นอภิปรายในทำนองนี้ ทั้งที่มีประเด็นซึ่งสังคมตั้งข้อกังขาสารพัด โดยเฉพาะเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ครั้นรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งมาบริหารงานได้แค่ 4 เดือนกว่าก็รีบยื่นซักฟอกกันแล้ว พฤติกรรมเช่นนี้จึงเป็นตัวลดทอนความน่าสนใจ และกระแสสนับสนุนจากสังคมไปแล้วครึ่งค่อนตัว

พิจารณาจากมุมความได้เปรียบ ต้องยอมรับว่าด้วยกระแสสังคมและเสียงหนุนของกลุ่มที่มีพลัง ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อ และสอดรับกับการประเมินของทีมกุนซือเศรษฐาและพรรคแกนนำรัฐบาลก็คือ การเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตทำได้เร็วเท่าไหร่ ยิ่งจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลมากเท่านั้น เมื่อกลไกที่หวังจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้เริ่มออกตัว คนย่อมจะให้ความสนใจต่อผลลัพธ์ที่จะปรากฏ แน่นอนว่า ถ้าประสบผลสำเร็จเสียงครหาทั้งหลายก็จะหายไปเอง แต่หากมีปัญหาก็มีเวลาในการตรวจสอบ ติดตาม และสามารถแก้ไข อุดรอยรั่วได้

จะเห็นได้จากการวางตัวคนขับเคลื่อนในซีกของพรรคแกนนำรัฐบาลนั้น ใช้คนที่เก๋าเกมทางการเมืองและไม่มีปัญหาเรื่องปูมหลังที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบยกมาโจมตีได้ เช่นเดียวกับการเป็นผู้ถือธงนำในเรื่องนี้เองของเศรษฐา ทำให้การเดินหน้าเป็นไปได้อย่างแข็งแรง เหลือเพียงบางหน่วยงาน บางองค์กรที่ยังยึดติดกับวัฒนธรรมองค์กรที่จะต้องคัดค้านตามประเพณีปฏิบัติ หากยึดตามที่ท่านผู้นำว่ายอมรับความเห็นต่าง แล้วแก้ไขเพื่อให้ทุกเรื่องที่จะทำมีปัญหาน้อยที่สุด คนเหล่านั้นแม้จะไม่หยุดวิพากษ์วิจารณ์ แต่พลังของการขัดขวางก็จะลดน้อยถอยลงไป

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม.วันนี้ (6 ก.พ.) รอฟัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง จะเปิดเผยรายละเอียดที่ได้หารือกับเศรษฐาเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต โดยเฉพาะประเด็นความเห็นของ ป.ป.ช.ที่เจ้าตัวยืนยันว่า สามารถชี้แจงสิ่งที่องค์กรอิสระแห่งนี้ตั้งประเด็นคำถามไว้ได้ ซึ่งหากอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน คงจะเห็นสัญญาณในการเดินหน้าของรัฐบาล อย่างแรกเลยคือการนัดหมายประชุมคณะกรรมการดิจิทัลฯ ชุดใหญ่ที่น่าจะเกิดขึ้นในเร็ววัน เพราะนายกฯ ย้ำอีกกระทอกว่า “ประชาชนรออยู่”