SJWD ขยายวงโลจิสติกส์.!
หลังจากเกิดการรวมร่างกันระหว่าง JWD กับ SCGL ลูกในไส้ของ SCC เมื่อช่วงต้นปี 2566 กลายเป็นร่างใหม่ภายใต้ชื่อ SJWD
หลังจากเกิดการรวมร่างกันระหว่างบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งกลุ่มสินค้าเฉพาะทาง เช่น สินค้าควบคุมอุณหภูมิ สินค้าอันตราย และรถยนต์ เป็นต้น กับ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) ลูกในไส้ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC มีความชำนาญด้านการขนส่งสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เหล็กและวัสดุก่อสร้าง กระดาษและบรรจุภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น เมื่อช่วงต้นปี 2566
กลายเป็นร่างใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD ซึ่งมีความครบเครื่องการให้บริการโลจิสติกส์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมทั้งบริการคลังสินค้า ซัปพลายเชน การขนส่งสินค้าแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ…
แต่แค่นั้นคงยังไม่พอ…รักคงยังไม่พอ แต่อยากจะขอ…อุ๊ย.!! ไม่ใช่ ๆ ๆ ต้องสร้างการเติบโตต่อต่างหากล่ะ..!?
เลยเป็นที่มาของ 2 ดีลล่าสุด…ดีลแรก การประกาศซื้อหุ้นในบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI เพิ่มอีก 231 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 12.50% จากผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายและผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก 13 ราย ในราคาไม่เกินหุ้นละ 7 บาท มูลค่าไม่เกิน 1,620 ล้านบาท
นั่นจะทำให้ SJWD ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 3 ของ ANI ในสัดส่วน 20.12% จากเดิมถือแค่ 7.62%..!!
ถ้าให้วิเคราะห์เหตุจูงใจที่ SJWD ยอมทุ่มงบก้อนโตเพื่อครอบครองหุ้น ANI เพิ่ม…อันดับแรกจะช่วยให้ขยายพอร์ตการขนส่งสินค้าทางอากาศได้แบบฟาสแทรค มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอย่างครบวงจร ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ได้สมปรารถนา
ขณะเดียวกัน ก็สามารถขยายบริการของบริษัทไปยังลูกค้าของ ANI ได้ด้วย
ที่สำคัญคงเห็นเทรนด์การเติบโตของ ANI แหละ จากปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย…ANI ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ 1 ใน 3 ของเอเชียในธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าแก่สายการบินชั้นนำกว่า 20 สายการบิน ย่อมได้ประโยชน์ไปเต็มกระบุง…
ดังนั้น นอกจาก SJWD จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นจาก ANI แล้ว คงเห็นการ Synergy ธุรกิจร่วมกันด้วย…เชื่อขนมกินได้เลย
ส่วนอีกดีลเป็นการส่งบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท JWD Asia Holding Private Ltd. (JWDAH) เข้าถือหุ้นในบริษัท Swift Haulage Berhad (SWIFT) ประเทศมาเลเซีย จำนวน 180 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 20.44% ในราคาหุ้นละ 0.63 ริงกิต หรือคิดเป็นหุ้นละ 4.72 บาท รวมมูลค่า 113.40 ล้านริงกิต หรือราว 850 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้
ที่น่าสนใจ SWIFT เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรขนาดใหญ่ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซามาเลเซีย (Bursa Malaysia) โดยประกอบธุรกิจโลจิสติกต์มากว่า 10 ปี มีความเชี่ยวชาญการขนส่งทางรถ เช่น การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ขนส่งสินค้าในประเทศ ขนส่งสินค้าข้ามแดน และเป็นผู้ให้บริการนําเข้าและส่งออกสินค้า (Freight Forwarder) รวมถึงการบริหารคลังสินค้า ครอบคลุมการให้บริการโลจิสติกส์ทั่วประเทศมาเลเซีย ประเทศไทย และประเทศสิงคโปร์
เท่ากับว่า SJWD ก็ได้ขยายฐานด้านโลจิสติกส์ทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์ ขยับสู่เป้าหมายการให้บริการครอบคลุมทั้งอาเซียนมากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเพิ่มยอดขายและกําไรจากการ Synergy ด้านงานขนส่งข้ามชายแดนอีกด้วย
แล้วถ้าไปส่องงบของ SWIFT ก็ไม่ขี้เหร่นะ…ปี 2563 มีรายได้รวม 555.8 ล้านริงกิต หรือราว 4,165.3 ล้านบาท กำไรสุทธิ 42.4 ล้านริงกิต หรือราว 317.7 ล้านบาท ถัดมาปี 2564 มีรายได้รวม 555.3 ล้านริงกิต หรือราว 4,161.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 48.2 ล้านริงกิต หรือราว 361.2 ล้านบาท ส่วนปี 2565 มีรายได้รวม 643.8 ล้านริงกิต หรือราว 4,824.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 49.2 ล้านริงกิต หรือราว 368.7 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีรายได้รวม 497.9 ล้านริงกิต หรือราว 3,731.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 49.1 ล้านริงกิต หรือราว 367.9 ล้านบาท
ว่ากันว่า การขยายวงจรโลจิสติกส์ของ SJWD ครั้งนี้ เป็นการซื้อปุ๊บ…บุ๊กกำไรปั๊บ ตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 เป็นต้นไป ในปีนี้ก็ราว 240 ล้านบาทเลยนะ.!!
มิน่า…วานนี้ (5 ก.พ.) จึงเห็นหุ้น SJWD ปรับขึ้น 2.05% ปิดตลาดที่ 14.90 บาท ท่วมกลางภาวะตลาดฯ ที่ไม่เป็นใจ…
…อิ อิ อิ…