ไทยก้าวสู่ฮับดาต้าเซ็นเตอร์.?
เป็นที่สะดุดตาในสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) วานนี้ (6 ก.พ.) อย่างยิ่ง กับมติอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการ มูลค่าเกือบ 30,000 ล้านบาท
เป็นที่สะดุดตาในสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) วานนี้ (6 ก.พ.) อย่างยิ่ง กับมติอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการ มูลค่าเกือบ 30,000 ล้านบาท
เริ่มจากบริษัท เน็กซ์ ดีซี จำกัด ผู้ให้บริการ Data Center ระดับ Hyperscale รายใหญ่อันดับหนึ่งของออสเตรเลีย ลงทุนโครงการ Data Center มูลค่า 13,759 ล้านบาท ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร
โดยให้บริการ Data Center ที่มีมาตรฐานสูงสุดระดับ Tier 4 รองรับกลุ่มผู้ใช้งานหรือองค์กรที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ที่มีเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด
รวมทั้งผู้ให้บริการ Cloud Service ในลักษณะ Enterprise Cloud ที่ให้บริการทั้งในและต่างประเทศ
ตามด้วยบริษัท ซีทีอาร์แอลเอส ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CtrlS Datacenters ผู้ให้บริการ Data Center ระดับ Hyperscale อันดับหนึ่งของอินเดีย ลงทุนโครงการ Data Center มูลค่า 5,044 ล้านบาท
ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) จังหวัดชลบุรี โดยให้บริการ Data Center ที่มีมาตรฐานสูงสุดระดับ Tier 4 รองรับการจัดส่งข้อมูลความเร็วสูง และอัตราการตอบสนองรวดเร็ว (Low Latency) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มธุรกิจที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC
อีกหนึ่งรายบริษัท ซิง ต๋า สตีล คอร์ด (ไทยแลนด์) จำกัด โครงการผลิตลวดเหล็กสำหรับอุตสาหกรรม เช่น Steel Cord, Bead Wire, Steel Wire เพื่อใช้สำหรับเสริมความแข็งแกร่งให้กับยางล้อรถยนต์ และรถบรรทุกประเภท Radial Tire
ด้วยมูลค่าลงทุน 6,661 ล้านบาท ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดชลบุรี
สุดท้ายบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP โครงการผลิตไอน้ำ มูลค่าลงทุน 4,238 ล้านบาท พื้นที่จังหวัดสระบุรี โครงการนี้จะผลิตไอน้ำโดยใช้เชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) ส่งให้โรงไฟฟ้าและโรงผลิตปูนซีเมนต์
งานนี้ “นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์” เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า โครงการที่ได้รับอนุมัติครั้งนี้ เป็นโครงการลงทุนสำคัญและตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในศักยภาพของไทย
โดยเฉพาะโครงการ Data Center ขนาดใหญ่ 2 ราย จากออสเตรเลีย และอินเดีย ถือเป็นกิจการที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับโครงการผลิตลวดเหล็ก ที่ใช้กับยางล้อรถยนต์ จะช่วยส่งเสริมซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้แข็ง แกร่งขึ้น ส่วนโครงการผลิตไอน้ำโดยใช้เชื้อเพลิงจากขยะ จะช่วยลดปัญหาปริมาณขยะในประเทศ ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่โครงการ Data Center เพราะนั่นหมายถึงการผลักดันให้ไทย กลายเป็นฮับ Data Center ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
ด้วยหมุดหมายของผู้ประกอบการ Data Center เบอร์หนึ่งของออสเตรเลียและอินเดีย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอินฟราสตรัคเจอร์ด้านเทคโนโลยี ที่น่าจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่ตามเข้ามาด้วย
คงต้องจับตากันต่อว่า..เม็ดเงินลงทุนร่วม 20,000 ล้านบาท จะเริ่มทยอยใช้จ่ายกันเมื่อไหร่.!? เพราะนั่นหมายถึงการขับเคลื่อนการลงทุนที่แท้จริง ๆ
แต่เบื้องต้นบรรดาหุ้นผู้ให้บริการวางระบบ Data Center คงมีแรงเก็งกำไรระยะสั้น ๆ กันคึกคักทีเดียว