ศุภาลัยโรดแมปมุ่งสู่กำไรเติบโตแรง
SPALI ตั้งเป้าหมายเชิงรุกสู่การเติบโตของกําไรในปี 2567 และหวัง All Time High ในทุกมิติ โดยตั้งเป้าหมายสร้างปรากฏการณ์มากที่สุด
เส้นทางนักลงทุน
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ตั้งเป้าหมายเชิงรุกสู่การเติบโตของกําไรในปี 2567 และหวัง All Time High ในทุกมิติ โดยตั้งเป้าหมายสร้างปรากฏการณ์มากที่สุด ทั้งจากเป้ายอดขาย (Presale) และรายได้ เป็นตัวเลขระดับเดียวกันที่ 3.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 25% และ 19% จากปีก่อน ตามลําดับ
การเติบโตนี้หนุนจากเปิด 42 โครงการใหม่ มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 38 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ เจาะตลาดทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพฯ จะเปิดเพิ่มในทําเลใหม่ ๆ เช่น กรุงเทพกรีฑา, พุทธมณฑล, อุทยาน-อักษะ และอรุณอัมรินทร์
ขณะที่ ในต่างจังหวัดมีแผนขยายการพัฒนาไปยัง 3 จังหวัดใหม่ เช่น ลําปาง ลพบุรี และราชบุรี ตั้งเป้ายอดขายจากต่างจังหวัดระดับ 1.76 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 49% ของเป้ายอดขายปีนี้ จาก 47% ในปีก่อน
ตลาดในประเทศนั้น SPALI จะขยายสู่ระดับกลาง-บน มีระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายมากขึ้น 56% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในประเทศออสเตรเลีย ผ่านกิจการร่วมค้า “SSRCP HoldCo Pty Ltd” ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาแล้วรวม 24 โครงการ มูลค่าโครงการ 187,700 ล้านบาท คิดเป็นเงินทุนรวม 22,300 ล้านบาท ปีนี้หวังรายได้จากในออสเตรเลีย 2 พันล้านบาท
SPALI จะขับเคลื่อนจากการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นทั้งในไทยและออสเตรเลีย เพื่อบรรลุเป้าหมายทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา หรือ All Time High ในทุกมิติ โดยจะลุยเปิดโครงการใหม่ส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรก ด้วยมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท เริ่มจากไตรมาส 1 ที่จะเปิด มีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท
หากจะเฟ้นหาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ SPALI ไม่เคยหลุดโผ จะติด 1 ในหุ้นที่โบรกเกอร์แนะนำตลอด โดยในปี 2567 นี้ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส มองจะมีกําไรเท่ากับ 6.66 พันล้านบาท ฟื้นตัวขึ้น 17% จากปีก่อน หากพิจารณาผลประกอบการรายไตรมาสในปี 2567 ไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสต่ำสุดของปี
จากนั้นจะไต่ระดับขึ้นในไตรมาสถัด ๆ ไป ตามการเปิดโครงการแนวราบและโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในปีนี้ จำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็น 1 โครงการในไตรมาส 1, 3 โครงการในไตรมาส 2 และอีก 1 โครงการในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท หลังลงทุนเพิ่มอีก 12 โครงการใหม่ในออสเตรเลีย ซึ่งจะเริ่มสร้างส่วนแบ่งกําไรตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป
ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะอยู่ที่ 36.5% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ 35.9% จากสัดส่วนการโอนคอนโดมิเนียนสูงขึ้น เนื่องจากปีนี้จะโอน 5 โครงการ เมื่อเทียบกับปีก่อนโอนเพียง 2 โครงการ รวมถึงส่วนแบ่งกําไรบริษัทร่วมเพิ่มเป็น 402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% ผลจากการลงทุนโครงการใหม่ในออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม ยอด Presale อาจต่ำกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้ 3.3% หรืออยู่ที่ 3.48 หมื่นล้านบาท และมียอดโอน 3.28 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 9% ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2566 รอรับรู้รายได้ปีนี้ 1.35 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นแนวราบถึง 8.3 พันล้านบาท รวมถึงการขายสต๊อกคอนโดฯ พร้อมอยู่ และโครงการใหม่ที่จะสร้างเสร็จตลอดปีนี้
SPALI พื้นฐานดี การเงินแข็งแรง ปันผลคงที่ ธุรกิจที่มั่นคงมีความสมดุลของพอร์ตสินค้าทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โครงสร้างการเงินแข็งแรงด้วย Net Gearing ต่ำกว่า 0.6 เท่า ทําให้การขยายธุรกิจยังมีโอกาสเปิดกว้าง ระดับ P/E 8 เท่า ให้มูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2567 ที่ 27.30 บาท แนะนํา “ซื้อ”
ด้านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า โครงการลงทุนใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 1.26 หมื่นล้านบาท ในออสเตรเลียจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในปี 2568 หลังจากชําระเงิน 2 ครั้งในไตรมาส 1 และ 3 ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนน่าจะปรับตัวเพิ่มขี้นอีกในปี 2568 ในขณะที่ SPALI อยู่ระหว่างการพิจารณาขอสินเชื่อใหม่ในสกุลเงินต่างประเทศเพื่อนํามาใช้สําหรับการลงทุนครั้งนี้บางส่วน ซึ่งอาจจะทําให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น
การเร่งเปิดโครงการใหม่และการลงทุนใหม่ในออสเตรเลียทําให้ต้องจับตาดูกระแสเงินสดและสถานะหนี้สินในปี 2567-2568 ซึ่ง SPALI มีหุ้นกู้ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ที่จะครบกําหนดไถ่ถอน อาจจะส่งผลทําให้ต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 2.8-2.9%
คงคําแนะนํา NEUTRAL ด้วย backlog ระดับตํ่าในปี 2567-2568 และกําไรที่อ่อนแอในไตรมาส 1 ปี 2567 โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 23.80 บาท อิง P/E เฉลี่ย 16 ปี ที่ 6.9 เท่า คาดเงินปันผลสําหรับงวดครึ่งหลังปี 2566 ที่ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.8%
ส่วนบล.ทิสโก้ เลือก SPALI ให้ราคาเป้าหมาย 26 บาท ภายใต้เหตุผล แนวโน้มการเติบโตในระดับ 2 หลักอาจเป็นไปได้ โดยพาะในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเป็น backlog รอโอนคงค้างอยู่อย่างแข็งแกร่ง และโครงการแนวราบ หรือ low-rise ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต โดยโมเมนตัมยอดจองยังสูง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ SPALI ก็น่าจะเข้าข่ายเป็นทั้ง “หุ้นกำไรเติบโต” และ “หุ้นปันผลดี”