OR ครบรอบ 3 ปีเข้าเทรด

วานนี้ (12 ก.พ.) ครบรอบ 3 ปีที่หุ้น บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR (โออาร์) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

อย่างที่รับทราบกันในช่วงของการเข้าเทรด

หุ้นโออาร์ถูกคาดหวังจากนักลงทุนไว้สูงมาก

ทำให้เกิดการเก็งกำไรในช่วงแรกของการเข้าเทรด ดันราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุด 36.50 บาท จากราคาไอพีโอ 18.00 บาท หรือปรับขึ้นมาถึง 100% 

ในช่วง 2-3 เดือนแรกของหุ้นโออาร์

หากดูจากกราฟจะพบการเข้ามาเก็งกำไรกันต่อเนื่อง

ราคาหุ้นแกว่งในกรอบ 28.50–33.00 บาท

ทว่า หลังจากนั้น ราคาหุ้นค่อย ๆ ลดระดับลงต่อเนื่อง

หรือเป็นรูปแบบของการค่อย ๆ “ซึมลง”

นักลงทุนรายใหญ่ที่เคยเข้ามาลงทุน ค่อย ๆ ปรับพอร์ต ขายหุ้นออก

บรรดากองทุนต่าง ๆ ได้ทยอยขายหุ้นออกด้วยเช่นกัน เพราะสัญญาณทางเทคนิคของกราฟเริ่มไม่ดี

บวกกับความคาดหวังที่ถูกตั้งไว้สูง

โดยเฉพาะเกี่ยวกับธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันหรือ “นอนออยล์” กลับไม่ได้มีทิศทางอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง

ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาราคาหุ้นเคยขึ้นไปสูงสุด 36.50 บาท

และลงมาต่ำสุดระดับ 17.60 บาท

และมีเพียง 2 วันเท่านั้นที่ราคาลงมาปิดต่ำกว่าราคาไอพีโอ (18.00) บาท นั่นคือที่ระดับ 17.80 และ 17.90 บาท

ล่าสุดวานนี้ราคาหุ้นโออาร์ปิด 18.10 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ระหว่างวันราคาส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวที่ระดับ 18.00 บาท

ราคาโออาร์วานนี้ มีระดับพี/อี เรโชที่ 21.38 เท่า และมี P/BV 1.97 เท่า

หากเทียบกับ ณ ราคาตอนไอพีโอ ซึ่งขณะนั้นมี พี/อีอยู่ประมาณ 25-26 เท่า นั่นแสดงว่า ราคาปัจจุบัน ถือว่าค่อนข้างถูก หากเทียบกับ ณ ตอนไอพีโอ

มาถึงคำถามที่ว่าแล้วราคาโออาร์ทำให้ยิ่งนับวันซึมลง

จริงแล้วเรื่องนี้เคยเขียนไว้หลายครั้ง

นั่นคือ ความคาดหวังจากนักลงทุนในธุรกิจนอนออยล์ของโออาร์ที่มีค่อนข้างสูง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทิศทางของนอนออยล์กลับไม่ได้เติบโตแบบมีนัยสำคัญ

ตัวเลข EBITDA ของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เพิ่มขึ้นแบบช้ามาก และไม่ดูเป็นเชิงรุก

อย่างที่เคยเขียนบอกไปแล้วว่า ธุรกิจนอนออยล์จะน่าสนใจมากหรือน้อย เราสามารถวัดได้จากเมื่อฟังแล้วต้องร้อง “ว้าว” 

หากไม่ว้าวราคาหุ้นก็ไม่วิ่ง

แม้จะมีการบอกข้อมูลว่า โออาร์อาจจะเพิ่งเริ่มธุรกิจประเภทนี้ จึงอาจต้องใช้เวลาในการสร้างกำไรบ้าง

ซึ่งประเด็นนี้คงต้องติดตามกันต่อไป

นอกจากเรื่องของนอนออยล์

ในส่วนของ “ค้าปลีกน้ำมัน” ยังถูก “จำกัด” การทำกำไร จากการถูกภาครัฐควบคุม “ค่าการตลาด” จึงไม่สามารถที่จะแสวงหากำไรได้อย่างที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรจะได้

ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ข้อติดขัดเหล่านี้ก็ยังเป็นสิ่งที่นักลงทุนกังวล จนเกิดความบั่นทอน ความน่าสนใจลดลง

มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันไม่มากนัก

เช่นเมื่อวานนี้ เทรดกันเพียง 105 ล้านบาท

สำหรับราคาเป้าหมายของหุ้นโออาร์สูงสุดอยู่ที่ 27.00 บาท (บล.ทรีนีตี้)

และต่ำสุดอยู่ที่ 16.00 บาท (บล.ธนชาต)

และมี Average อยู่ที่ 21.13 บาท