BWG ถม (เงิน) ไม่เต็ม.!
เรียกว่าครบ 1 ปีเต็มบริบูรณ์เป๊ะไม่ต้องปัดเศษทศนิยม ว่าด้วยเรื่องการเพิ่มทุนของ BWG หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หุ้นขยะทองคำ”
เรียกว่าครบ 1 ปีเต็มบริบูรณ์เป๊ะไม่ต้องปัดเศษทศนิยม ว่าด้วยเรื่องการเพิ่มทุนของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หุ้นขยะทองคำ” หลังจากช่วงต้นปีที่แล้ว (4 ก.พ. 2566) มติบอร์ดไฟเขียวให้มีการเพิ่มทุน มางวดนี้ (10 ก.พ. 2567) มติบอร์ดก็ไฟเขียวให้เพิ่มทุนอีกแล้วครับนาย..!!
ครั้งนั้น BWG ประกาศเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP จำนวน 400 ล้านหุ้น ให้กับบุคคล 6 ราย ที่ราคาหุ้นละ 0.92 บาท มูลค่ารวม 368 ล้านบาท ส่วนครั้งนี้ก็ประกาศเพิ่มทุนแบบ PP เหมือนเดิมเด๊ะ ต่างกันที่จำนวนและราคา โดยเพิ่มทุนจำนวน 450 ล้านหุ้น ให้กับบุคคล 8 ราย ที่ราคาหุ้นละ 0.53 บาท มูลค่ารวม 238.50 ล้านบาท
แหม๊…คิดอะไรไม่ออก…ก็เพิ่มทุนไว้ก่อน จนกลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน BWG ไปแล้วมั้ง…
ว่าแต่ครบ 1 ปีก็เพิ่มทุนอีกแล้ว จึงไม่แคล้วถูกมองไปว่าเป็นหุ้นที่ถม (เงิน) ไม่เต็มป๊ะเนี่ย..!?
โอเค…แม้วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนระบุชัด เงินก้อนแรก 120 ล้านบาท จะนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาศูนย์บริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่ จ.สระบุรี ภายในปี 2567 ส่วนที่เหลือราว 118.50 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหนุมเวียน…
ก็เป็นการนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มแหละ…แต่ถ้าเทียบเคียงกับการเพิ่มทุนรอบที่แล้ว ยังไม่ค่อยเห็นมูลค่าเพิ่มกลับมาเลยนะ สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในรอบปี 2566 ที่ผ่านมา ที่มีตัวเลขขาดทุนทุกไตรมาส จนส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2566 มีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 149.81 ล้านบาท มากกว่าตัวเลขขาดทุนทั้งปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 144.23 ล้านบาท เสียอีก
ดูทรงแล้วงวดปี 2566 ก็คงปิดสถานะด้วยตัวเลขขาดทุนแหง ๆ ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขจะมากหรือน้อยขนาดไหน..?
อีกช็อตที่น่าสนใจ ก็เป็นรายชื่อที่เพิ่มทุนให้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน..? แต่เป็นเจ้าเก่าหน้าเดิมทั้งน้านนน..!?
คนแรก “นายแพทย์รัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “หมอวิน” คนนี้ไม่ต้องสาธยายให้มากความ เพราะคนในแวดวงตลาดทุนต่างก็รู้ไส้รู้พุง อุ๊ย…รู้จักกันดี ได้รับการจัดสรรหุ้น 100 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 53 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 6.46% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 5.03% ยังครองผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 เหมือนเดิม
ส่วนอีกชื่อที่คุ้นกัน เป็น “สิปปกร ขาวสอาด” หรือ อ.หนุ่ย ของแฟนคลับ รอบนี้ได้รับการจัดสรรหุ้น 50 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 26.50 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 1.13% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 0.22%
ส่วนคนที่เหลือก็มี “อิทธิพัทธ์ หวังพันธุ์ขจร” ได้รับการจัดสรรหุ้น 80 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 42.40 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 2.41% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 1.01%
ตามด้วย “พรเพ็ญ กรรณิกากร” ได้รับการจัดสรรหุ้น 80 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 42.40 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 1.75% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 0.29% ส่วน “อธิวัฒน์ พิพัฒน์ศิริขจร” ได้รับการจัดสรรหุ้น 50 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 26.50 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 1.31% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 0.42%
“ชมวิว ยะสารวรรณ” ได้รับการจัดสรรหุ้น 40 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 21.20 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 0.93% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 0.20% ฟาก “ร้อยโทวโรดม สุจริตกุล” ได้รับการจัดสรรหุ้น 25 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 13.25 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 1.21% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 0.81%
ปิดท้ายที่ “ภัทรณัฏฐ์ ญาณกรธนาพันธุ์” ได้รับการจัดสรรหุ้น 25 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 13.25 ล้านบาท ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนการถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 0.61% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 0.16%
ต้องบอกว่า ครึ่งหนึ่งของคนที่เพิ่มทุนรอบนี้ เป็นคนที่เคยเพิ่มทุนในรอบที่แล้วนะจิบอกให้..!!
อ้อ…อีกอย่างที่น่าแปลก ทันทีที่แจ้งข่าวการเพิ่มทุน (12 ก.พ.) ก็มีการเข้ามาไล่ราคากันอย่างเมามัน จน No.สน No.แคร์ ปัจจัยพื้นฐาน ส่งให้ราคาพุ่งปรี๊ดดดไป 11.11% ปิดตลาดที่ 0.60 บาท ก่อนที่วานนี้ (13 ก.พ.) จะย่อตัวลงมาปิดตลาดที่ 0.58 บาท ปรับลดลง 3.33%
ระวังจะถูกเชือดไม่ทันรู้ตัว…แล้วจะมาร้องแรกแหกกระเชอทีหลังไม่ได้นะ…
บทเรียนที่ผ่านมาก็มีให้เห็น…ไม่ยักจะจำ..!!
…อิ อิ อิ…