พาราสาวะถี
งานเลี้ยงสังสรรค์ของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความชื่นมื่น บรรยากาศสรวลเสเฮฮา ตอกย้ำภาพสายสัมพันธ์ 314 เสียงแข็งโป๊กแน่นปึ้กตามที่ เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันมาโดยตลอด
งานเลี้ยงสังสรรค์ของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความชื่นมื่น บรรยากาศสรวลเสเฮฮา ตอกย้ำภาพสายสัมพันธ์ 314 เสียงแข็งโป๊กแน่นปึ้กตามที่ เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันมาโดยตลอด งานนี้นอกเหนือจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นทั้งระดับรัฐมนตรี แกนนำและบรรดา สส.ของพรรค ยังถือเป็นโอกาสที่คนของพรรครัฐบาลได้ร่วมแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กับนายกรัฐมนตรีล่วงหน้าสองวัน ซึ่งท่านผู้นำเกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์
เป็นโอกาสอันดีทั้งการได้รับคำอวยพรให้มีแรงใจในการสู้งานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และเป็นจังหวะที่ได้สอบทาน ทำความเข้าใจและขอเสียงสนับสนุนก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในวันเกิดของเศรษฐาพอดี เรียกว่าเป็นนิมิตหมายอันดี และน่าจะมีแต่เรื่องดี ๆ ตลอดไป โดยนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวยืนยันว่า หลังการประชุมจะมีความคืบหน้าของโครงการแน่นอน จะเป็นอะไรอย่างไรให้รอฟัง
ทั้งนี้ งานเลี้ยงใหญ่ของพรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดขึ้นหนแรกมีเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ คิวถัดไป อนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทยจองไว้แล้ว ตามมาด้วย ธรรมนัส พรหมเผ่า ของพลังประชารัฐ ภาพส่งท้ายของงานเลี้ยงที่มีการร้องเพลงร่วมกันของแกนนำพรรคร่วมที่สำคัญอย่าง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล และเสี่ยหนู ในเพลงขอให้เหมือนเดิม ตามมาด้วย ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยควงคู่เสี่ยหนูร้องเพลงเราและนาย เป็นการยืนยันถึงความเหนียวแน่นในการร่วมรัฐบาลหนนี้
ก่อนที่ชาดากับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ เนวิน ชิดชอบ คือ ไชยชนก ชิดชอบ ว่าที่เลขาธิการพรรคคนใหม่ ร่วมกันตะโกนว่า “รัฐบาลตลอดไป” ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการทำงาน ผนวกเข้ากับสิ่งที่อุ๊งอิ๊งพูดบนเวทีว่า ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันนี้มาก ๆ ดีใจที่ได้มาร่วมงาน และดินเนอร์ครั้งหน้าไม่ไกลเกินไป “เราจะได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้น และทำงานด้วยกันรับใช้พี่น้องประชาชน และพระเจ้าอยู่หัวของเราอย่างเต็มที่ต่อไป”
การแสดงท่าทีเช่นนี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยถือเป็นการตอกย้ำถึงรากที่มาของรัฐบาล และการันตีของเสถียรภาพในการทำงาน เช่นเดียวกับเศรษฐาที่ยอมรับว่า ตั้งแต่เริ่มทำงานมีอุปสรรคเยอะแยะ ตนต้องกราบขอบพระคุณทุกคนในที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาที่อยู่ในสภาฯ ช่วยกันปกป้องตอบคำถามเป็นพี่เลี้ยงในการช่วยตนในการที่จะตอบคำถามต่าง ๆ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าได้ หากไม่มีพวกท่านทุกคนตนคิดว่าจะเหนื่อย วันนี้ขอให้ทุกท่านเป็นลมใต้ปีกของรัฐบาลประชาชนชุดนี้ต่อไป
ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะเช่นนี้ จึงเป็นการการันตีว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเศรษฐา หากไม่มีเรื่องเลวร้ายแบบสุด ๆ ไม่สะดุดขาตัวเอง ยังไงก็อยู่กันครบเทอม เนื่องจากโจทย์สำคัญนอกจากการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นแล้ว การก้าวข้ามความขัดแย้งก็เป็นภารกิจใหญ่อีกประการ มาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐา รวมทั้งเพื่อไทย ได้ช่วยกันสร้างบรรยากาศให้เกิดความสามัคคี ไม่วอกแวก หวั่นไหว ไปกับแรงยั่วยุเพื่อที่จะให้เกิดความแตกแยก โดยที่พรรคร่วมรัฐบาลก็เห็นดีเห็นงามด้วย
อย่างที่บอก ประสบการณ์ในฐานะผู้ถูกกระทำในอดีต ทำให้เพื่อไทยก้าวเดินทางการเมืองในมิติที่สุขุม รอบคอบ และไม่แสดงท่าทีที่จะเดินหน้าในทุกเรื่องที่ได้ตั้งธงไว้โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงใด ๆ เมื่อเดินด้วยจังหวะก้าวที่ช้า ๆ แต่มั่นคง มันจึงสร้างความมั่นใจ สบายใจให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ลงตัว ทั้งหมดมันผ่านกระบวนการพูดคุยก่อนที่จะมีการพลิกขั้วแล้วว่า เมื่อได้เข้ามาบริหารประเทศจะต้องมีเหตุที่จะขัดคอ ขัดใจ หรือขัดแย้งกันให้น้อยที่สุด
เหมือนที่คอการเมืองและคนการเมืองจำนวนไม่น้อยพากันลงความเห็นว่า เศรษฐาคือนายกฯ ที่ใช่ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ประกอบกับการเปลี่ยนผ่านสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของเพื่อไทยภายใต้การนำของอุ๊งอิ๊ง มันจึงทำให้ทุกอย่างลงตัว สิ่งสำคัญในการกลับเข้าสู่อำนาจรอบนี้ของพรรคนายใหญ่เป็นเรื่องรูปแบบการทำงานที่เน้นการรับฟัง แลกเปลี่ยน พูดคุยเพื่อให้ได้บทสรุปที่เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลพอใจ และพร้อมสนับสนุนทุกเรื่องที่เป็นนโยบายร่วมกัน
ขณะที่ประเด็นของ ทักษิณ ชินวัตร กับการมีชื่อได้รับการพักโทษ แม้จะมีเสียงคัดค้านของคนบางกลุ่ม แต่ก็ไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมใด ๆ ต่อรัฐบาล เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นพวกขาประจำ ทุกอย่างเมื่อยึดโยงข้อกฎหมายเป็นด้านหลัก การต่อต้านหรือเรียกร้องต่าง ๆ ก็ต้องว่ากันไปตามช่องทางที่มี การจะปลุกกระแสลุกฮือเหมือนในอดีตนั้นคงยาก เมื่อทุกอย่างว่ากันตามกระบวนการของกฎหมายมันจึงไม่มีเหตุที่จะไปโจมตีหรือทำลายล้างเหมือนในอดีต
ที่เห็นเด่นชัดมากที่สุดคงเป็นบรรดาแกนนำแถวหน้าซึ่งเคยรวมตัวขับไล่ทักษิณและคนในระบอบอุปโลกน์ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นหมายความว่า มองอย่างเข้าใจ และต้องทำใจยอมรับ จุดที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดภาวะน้ำท่วมปากน่าจะเป็นประเด็นที่ว่า การทำเรื่องอภัยโทษ และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์นั้น ล้วนแต่มาจากรัฐบาลก่อนหน้า ตั้งแต่รัฐบาลเผด็จการ คสช. จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจทั้งสิ้น
ที่มองกันว่าหลังพักโทษแล้วทักษิณจะกลับบ้านทันทีเลยหรือไม่ แม้ลูกสาวคนเล็กจะบอกว่าทำความสะอาดเตรียมบ้านจันทร์ส่องหล้าไว้รอแล้ว แต่เมื่อมีข้อสงสัยต่อการพักรักษาตัวด้วยอาการป่วยร้ายแรงที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นับตั้งแต่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษฯ กรุงเทพคืนแรก จึงไม่น่าที่จะรีบร้อนกลับ ทั้งนี้ อยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา เมื่อไม่ติดเงื่อนไขในฐานะผู้ต้องขังก็อาจจะไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเอกชน หรือไปพักฟื้นที่บ้านแล้วจ้างแพทย์ไปรักษาต่อ เช่นเดียวกับเรื่องการติดกำไลอีเอ็ม ด้วยอายุอานามและความเจ็บป่วยเข้าเงื่อนไขไม่ต้องติดอยู่แล้ว นี่คือการจบแบบเท่ ๆ ส่วนใครไม่ถูกใจ ไม่พอใจก็ช่วยไม่ได้