PSH กำไรย่อปันผลเยี่ยม

ถูกคาดหวังว่าหลังจากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลาย ภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัว..!? แต่สิ่งที่หวังมักสวนทางกับความเป็นจริงเสมอ ๆ


ถูกคาดหวังว่าหลังจากสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลาย ภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัว..!? แต่สิ่งที่หวังมักสวนทางกับความเป็นจริงเสมอ ๆ เนื่องจากในความเป็นจริงกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้แบงก์ปฏิเสธการปล่อยกู้บ้านเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทลงไป ทำให้กลุ่มอสังหาฯ สต๊อกเหลือบานตะไท…เดือดร้อนกันถ้วนหน้า

สะท้อนได้จากผลประกอบการงวดปี 2566 ของหลาย ๆ ค่าย ที่ประสบปัญหารายได้หายกำไรหดกันเป็นแถว ไม่เว้นแม้แต่อสังหาฯ ยุคกลางอย่างบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ของ “เจ้าสัวทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ที่เปิดงบปี 2566 กำไรสุทธิหายไป 17.5% เหลือแค่ 2,339 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เคยทำได้ 2,835 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 26,132 ล้านบาท ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 28,640 ล้านบาท

ถ้าไปดูคำอธิบายงบของ PSH ระบุชัดเจน สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลง 17.8% อยู่ที่ 22,357 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 27,191 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหากำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง รวมถึงการชะลอเปิดตัวโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมเพื่อระบายสินค้าคงเหลือ พร้อมปรับแผนกลยุทธ์เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการจริงของผู้ซื้อตามสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง

จะเห็นว่ามีเพียงบ้านเดี่ยวท่านั้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 33% ของรายได้รวมที่ยังเติบโตได้ โดยมีรายได้อยู่ที่ 5,969 ล้านบาท เติบโต 13.7% ในขณะที่ทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งคิดเป็น 40% ของรายได้รวม ปรับลดลง 16.2% อยู่ที่ 8,932 ล้านบาท เป็นผลมาจากกำลังซื้อต่ำของกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อด้วยเกณฑ์ที่เข้มงวด ส่งผลให้อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนคอนโดมิเนียม คิดเป็นสัดส่วน 33% ของรายได้รวม ก็ปรับลดลง 30.5% เนื่องจากปีที่ผ่านมามีโครงการคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมโอนไม่มากนัก โดยเน้นส่งเสริมการขายคอนโดฯ ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้และอัตราทำกำไร

ดีนะเนี่ยที่ PSH มีรายได้กิจการโรงพยาบาล 1,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 1,211 ล้านบาท มาช่วยหนุน…ไม่งั้นอย่าให้ต้อง Said..!?

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสถานการณ์ข้างต้นหรือเปล่า..ที่ทำให้มีการปรับแผนธุรกิจปี 2567 ด้วยการเพิ่มพอร์ตลูกค้าในเซกเมนต์ระดับกลาง-สูงให้มากขึ้น พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มของแบรนด์ The Palm สู่ราคามากกว่า 30 ล้านบาท

มิน่าล่ะ…ราคาหุ้น PSH ในช่วงที่ผ่านมา ถึงได้ซึมกระทือ…ไม่ไปไหน เป็นหุ้น 12 บาทเศษ มานานหลายเดือน…ยังดีที่ไม่หลุดแนวรับที่ 12 บาท…

โอเค…แม้ภาพรวมงบดูไม่ดี แต่ผู้ถือหุ้น PSH ก็คงยิ้มได้ละมั้ง..!?

เมื่อมติบอร์ดเคาะจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 2566 อัตราหุ้นละ 65 สตางค์ หรือคิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์ที่ 5.28% (คำนวณ ณ ราคาปิดวันจันทร์ที่ 19 ก.พ. 2567) โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 ก.พ. 2567 เมื่อรวมกับงวดครึ่งแรกปี 2566 ที่จ่ายไปแล้ว 31 สตางค์ รวมเป็น 96 สตางค์ คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์สูงถึง 7.80% เชียวหนา

เรียกว่ายังคงคอนเซปต์หุ้นปันผลงามเสมอต้นเสมอปลายนะเนี่ย…

เอาหน่า…แม้ไม่ได้แคปปิตอลเกน…ได้เงินปันผลมาปลอบใจก็ยังดี..!!

อย่าลืมว่ากำขี้ดีกว่ากำตดนะตัวเอง..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button