JAS ไร้มุกปันผล (เพิ่ม)

ตั้งหน้าตั้งตาชะเง้อชะแง้เฝ้ารอกันว่า หลังจาก JAS ของ “เสี่ยพิชญ์” ประกาศงบงวดปี 2566 ออกมาแล้ว ซึ่งพลิกมามีกำไรสุทธิ 19,837 ล้านบาท


ตั้งหน้าตั้งตาชะเง้อชะแง้เฝ้ารอกันว่า หลังจากบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ของ “เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก” ประกาศงบงวดปี 2566 ออกมาแล้ว ซึ่งพลิกมามีกำไรสุทธิ 19,837 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ขาดทุนสุทธิ 2,028 ล้านบาท ก็น่าจะจัดหนักจัดเต็มปันผลฉ่ำ ๆ ก้อนใหญ่อีกสักก้อนทิ้งทวนอะนะ..!!

เหมือนเมื่อปี 2562 ซึ่งมีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เฟส 2 มูลค่า 38,000 ล้านบาท ปีนั้นก็มีการปันผลระหว่างกาลของไตรมาส 3/2562 ก่อนเลย ในอัตราหุ้นละ 30 สตางค์ ถัดมาต้นปี 2563 ก็ปันผลอีกรอบงวดประจำปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 1.48 บาท รวมทั้งปีคิดเป็นอัตรา 1.78 บาทเชียวนะ…ก็มีภาพจำตรงนั้นติดตาตรึงใจอยู่น่ะสิ…

มาครั้งนี้ธุรกรรมก็คล้าย ๆ กัน มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์อยู่ที่ 26,431 ล้านบาท แม้ช่วงปลายปี 2566 มีการปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 60 สตางค์ แต่น่าจะมีการปันผลอีกสักรอบหน่า…บวกกับความจำเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS อย่าง “เสี่ยพิชญ์” ที่มีภาระผูกพันกับสถาบันการเงินใหญ่แห่งหนึ่ง วงเงิน 4.25 หมื่นล้านบาท ในการซื้อหุ้นคืนเมื่อปี 2559 ตอนนั้นใช้เงินไปราว 2 หมื่นล้านบาท…

เลยทำให้นักลงทุนทั้งฝันหวาน แอบคาดหวัง และตั้งหน้าตั้งตารอการจ่ายเงินปันผลจาก JAS..!!

ก่อนหน้านี้คนที่ถือหุ้น JAS อยู่แล้วไม่ขาย ก็หวังจะได้เงินปันผลอีกสักก้อนก่อนโบกมือบ๊ายบาย ส่วนคนที่เข้ามาเก็งกำไร ก็คงหวังได้ทั้งแคปปิตอลเกนและเงินปันผลแหละ…

แต่สุดท้ายเกิดอาการฝันค้าง ฝันสลาย และสิ้นหวังกันเป็นแถว เมื่อ JAS ประกาศงดจ่ายเงินปันผลงวดปี 2566 ซะงั้น..!?

หุ้น JAS เลยเกิดอาการไบโพลาร์กำเริบ ราคาทรุดลงไปต่ำสุดที่ 1.82 บาท โดยระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 2.06 บาท ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 1.84 บาท ปรับลดลง 14.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 488.71 ล้านบาท

เอาล่ะ…คงต้องกลับมาตั้งสติกันใหม่ จะเอายังไงกับหุ้น JAS ดีละเนี่ย..? คนที่เข้ามาเก็งกำไรก็คงขายทิ้ง และร้องเพลงถอยดีกว่า…ไม่เอาดีกว่า ห่วงแต่คนที่ติดหุ้นอยู่น่ะสิจะเอายังไง..? จะจูงมือไปด้วยกันมั้ย..?

แน่นอนว่า JAS เงินลงทุนหลักขายทิ้งไปแล้ว (ขาย 3BB หรือธุรกิจเน็ตบ้าน กับกอง JASIF ไปแล้ว) เหลือแค่ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวี ผ่านบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท ทรี บีบี ทีวี จำกัด (3BB TV), ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ ผ่านบริษัท พรีเมียม แอสเซท จำกัด (PA) และเงินลงทุนในบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ซึ่งเทียบไม่ได้กับ 3BB…ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยแหละ…

แต่ผู้บริหารก็ยังขายฝันครั้งใหม่ หวังจะสร้างชื่อด้วยธุรกิจด้าน Generative AI, พลังงานสะอาด และด้านสุขภาพ เพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ ๆ สร้างความมั่นคงให้กับบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง เหมือนในอดีตอีกครั้ง…ก็ว่ากันไป

ส่วนนักลงทุนจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น..ก็ไปไตร่ตรองกันดูละกัน

โดยในส่วนของธุรกิจด้าน Generative AI เป็นการลงทุนผ่าน JTS ซึ่งไปจับมือกับบริษัท เคที คอร์ปอเรชั่น (KT) ประเทศเกาหลีใต้ พัฒนา Model แพลตฟอร์ม Generative AI ภายใต้วงเงิน 1,000 ล้านบาท…เบื้องต้น JAS จะปล่อยกู้ให้กับ JTS จำนวน 400 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี

ว่าแต่ขายสินทรัพย์ได้กำไรพิเศษมาตั้ง 26,431 ล้านบาท ปล่อยกู้ให้ลูกไปแค่ 400 ล้านบาท ถ้าไม่จ่ายปันผล แล้ว JAS จะเอาเงินสดที่เหลือไปทำอิหยังเนี่ย..??

เอ๊ะ..!! หรือจะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์อีกป๊ะเนี่ย..?? เพราะระดับ “เสี่ยพิชญ์” ไม่น่าจะคิดแค่ชั้นเดียวเชิงเดียวหรอก…

เอาเถอะ JAS ในอดีตปันผลดีแน่ อันนี้ไม่เถียง…แต่อนาคตไม่รู้..!?

ว่าแต่แบบนี้เจ้าหนี้รายใหญ่ของ “เสี่ยพิชญ์” จะมีความคิดเห็นประการใด..? ชักอยากรู้แล้วสิ

…อิ อิ อิ…

Back to top button