หุ้นที่น่าผิดหวัง
ดูเหมือนสิ่งที่คิดไว้จะผิดแผนไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลงาน หรือเรื่องของการปันผล ล้วนเป็นสตอรี่ที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเจ็บกระดองใจอย่างแรง
ดูเหมือนสิ่งที่คิดไว้จะผิดแผนไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลงาน หรือเรื่องของการปันผล ล้วนเป็นสตอรี่ที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเจ็บกระดองใจอย่างแรง และความผิดหวังดังกล่าวก็นำไปสู่การทิ้งหุ้นแบบไม่มีเยื่อใย และส่งผลให้ดัชนีลงมานอนกองอยู่ที่ระดับ 1,381.07 จุด ลบไป 6.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.05 หมื่นล้านบาท ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,380 จุดอีกครั้งไงล่ะคะ
งานนี้จะถือว่า “โชคดีก็ไม่เชิง” หรือจะถือว่า “โชคร้ายก็ไม่ใช่” เพราะในระหว่างที่ดัชนีกำลังทรุดตัวลงมา กลับมีแรงซื้อประปรายเข้าไปที่หุ้นกลางเล็กเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการเปิดทางเลือกให้กับแมงเม่ากว้างขึ้น “โมนิก้า” เลยถือโอกาสนี้เม้าท์ถึงหุ้นที่น่าผิดหวัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในช่วงที่ตลาดหุ้นย่อตัวครั้งใหม่ และยังเป็นการสะท้อนภาพความกังวลที่มีต่อหุ้นตัวนั้น ๆ อีกด้วยพะย่ะค่ะ
โดยเฉพาะการทรุดตัวของเจ้าพ่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างหุ้น DELTA ถือเป็นการฉายภาพให้นักลงทุนได้รู้ว่า เมื่อพวกฝรั่งหัวดำถอนทัพแบบเต็มตัว ราคาหุ้นก็มีแต่คำว่า “ทรุดโทรม” และการยืนปิดของหุ้นที่ระดับ 74.75 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 4.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.76 พันล้านบาท ก็เสี่ยงที่จะหลุดโลว์เดิมที่เคยทำไว้บริเวณ 72.25 บาทเสียด้วย จึงไม่ควรเอาตัวเข้าไปเสี่ยงก็เท่านั้นเอง!
ส่วนรายที่ทำให้แฟนคลับอกหักไปตามกัน “โมนิก้า” ขอมองไปที่พ่อดอกมะลิ JAS เป็นรายถัดมา เพราะการประกาศงดปันผล ทั้งที่ปี 66 ปั๊มกำไรได้มโหฬารแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ชวนให้ผู้คนสงสัยอย่างแรง จึงแสดงออกด้วยการขายหุ้นทิ้ง ราคาหุ้นก็เลยยืนปิดที่ระดับ 1.84 บาท ลบไป 0.32 บาท หรือลงไป 14.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 489 ล้านบาทด้วยอารมณ์ที่เซ็งเป็ดสุด ๆ เพราะสตอรี่ที่เล่นก่อนหน้านี้..มันมาด้วยเรื่องปันผลก้อนโตน่ะซี
สำหรับรายที่ยังไม่สร่างจากพิษไข้ และยังมองไม่เห็นโอกาสฟื้นตัว คงไม่มีใครอาการหนักไปกว่าหุ้นกระดาษลัง SCGP หลังราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ถูกทิ้งหนักตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 28.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 652 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low และยังเป็นการหลุด IPO ที่ราคาขาย 35 บาท ชนิดที่กู่ไม่กลับแบบนี้..น่ากลัวเหลือเกินจ้า!
อีกรายที่ตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน “โมนิก้า” คงมองไปที่รถไฟฟ้ามาหานะเธอ BTS เป็นรายถัดมา เพราะการยืนปิดที่ระดับ 5.45 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.68% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 375 ล้านบาท มันเป็นนิวโลว์ในรอบไม่ต่ำกว่า 6 ปี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าช่วงที่เกิดโควิดระบาดหนัก ๆ เสียอีก เดี๊ยนเลยเดาว่า เที่ยวนี้พวกสถาบันไม่ได้ให้น้ำหนักหุ้นตัวนี้เหมือนเมื่อก่อน หลังบริษัททำผลงานไม่ได้ตามแผนกระมัง!..อิอิอิ
ส่วนรายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นบนกระดาน most active แต่วานนี้กลับยืนเด่นตระหง่านด้วยสีแดงฉานตลอดทั้งวัน คงไม่มีใครเกินหน้าไปกว่าหุ้น LH หลังทรุดตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 7.35 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 491 ล้านบาท และเสี่ยงที่จะหลุดโลว์เดิมที่บริเวณ 7.20 บาทแบบนี้ มันเหมือนเป็นเกมวัดดวงที่นักเล่นต้องเข้าไปวัดฝีมือกันเอง เพราะเกมนี้ออกได้ทั้งสองหน้าคือ “เด้งกลับ” หรือ “ลงต่อ” นะจ๊ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้นไอพีโอที่เปิดตัววันแรก ก็มีลักษณะเสียทรงแบบกู่ไม่กลับ และตัวที่แมงลือเม้าท์ถึงกันมากสุดก็คือ EURO ซึ่งทิ้งตัวลงแรงตั้งแต่วินาทีแรก ต่อจากนั้นก็เสียขบวนทัพมาเรื่อย ๆ จนวานนี้เห็นหุ้นยืนปิดที่ระดับ 7.70 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท และเทียบกับราคาไอพีโอที่ระดับ 10.60 บาทแบบนี้..มันจะเป็นลักษณะ “ไปไม่กลับ..หลับไม่ตื่น” อะป่าว!
ปิดท้ายกันที่หุ้นร้อนอย่าง JKN เพื่อชี้ให้ขาลุยได้เห็นว่า ของปลอมก็เป็นของปลอมวันยังค่ำ เพราะการพุ่งกระฉูดขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทุกคนรู้ดีว่า ไม่มีพื้นฐานเข้ามารองรับ ขณะเดียวกันก็มีเรื่องเบี้ยวหนี้คอยกดดันตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงมองว่า การไหลลงมาเรื่อย ๆ ของราคาหุ้น จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 0.72 บาท ลบไป 0.11 บาท หรือลงไป 13.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่เมคเซนส์ เพราะทุกคนเห็นกันอยู่แล้วว่า หนี้ท่วมหัว! ไงล่ะคะ