เรื่องร้อน..ทำว้าวุ่น!

ดูเหมือนผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นบางรายจะมีอาการหัวร้อนโดยไม่มีเหตุจำเป็น ทั้งที่เรื่องราวที่ผู้คนเขาเม้าท์มอยอย่างเอิกเกริก


ดูเหมือนผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นบางรายจะมีอาการหัวร้อนโดยไม่มีเหตุจำเป็น ทั้งที่เรื่องราวที่ผู้คนเขาเม้าท์มอยอย่างเอิกเกริก มันเป็นเรื่องที่ควรเปิดใจรับฟังไว้บ้าง “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแปลกใจที่ขาใหญ่ในตลาดหุ้นดิ้นพล่านเหมือนไส้เดือนโดนขี้เถ้า หรือว่า สิ่งที่เดี๊ยนขีดเขียนมันไปจี้ใจดำอย่างจัง เลยเกิดอาการรับไม่ได้ที่ผู้คนมากมายได้รับรู้ความจริงอีกด้านหนึ่งใช่ม๊า!

ประเด็นดังกล่าวทำให้สังคมหุ้นตื่นรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้องคาพยพช็อตฟีลกันเป็นแถว เพราะคนหมู่มากในสังคมก็เห็นความผิดปกติเหมือนกัน “โมนิก้า” ถึงสะอิดสะเอียนเมื่อเห็นคนพวกนี้แสดงอาการขนพองเหมือนสุนัขข้างถนน เพราะท้ายสุดก็ได้แต่เห่าหอนเพื่อเรียกสมุนมาสมทบ จึงอย่าคิดว่า คนอย่างอีฉันจะกลัวพวกที่มีสันดาน “เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” เพราะสิ่งที่คนพวกนี้ทำ เขารู้กันทั้งนั้นว่า “มีวาระ” พะย่ะค่ะ

ด้วยเหตุนี้เลยขออนุญาตพูดเรื่องจิตสำนึกของผู้บริหารที่ดี และการวางตัวให้เหมาะสมกับบทบาทของตัวเอง เพราะในช่วงหลัง ๆ มีผู้บริหารบางคนออกมาเชียร์หุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ส่วนพวกเสี่ยใหญ่ที่พยายามยกตัวเองเป็นก๊กก๊วน ก็ได้อุปโลกน์ก๊กก๊วนของตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี แต่สุดท้ายก็มีลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อนแบบนี้ “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะว่า พวกคุณโอเคกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาจริงเหรอ? ซึ่งเดี๊ยนขอบอกตามตรงว่า “รับไม่ได้” เจ้าค่ะ

งานนี้ให้ไปถามใครก็ได้ว่า พวกเขาเอือมระอากับพฤติกรรมก๊กก๊วนนี้ขนาดไหน? เพราะตัวเองสามารถวิจารณ์คนอื่นได้เยอะแยะมากมาย แต่พอตัวเองถูกวิจารณ์นิด ๆ หน่อย ๆ กลับรู้สึกหน้าบางขึ้นมาเสียอย่างนั้น พร้อมกับทำท่าฮึดฮัดเหมือนอยากปะทะ มันเลยกลายเป็นเรื่องตลกหกฉากไปเสียฉิบ เพราะกองเชียร์ที่เข้ามายกหางแบบไม่ลืมหูลืมตา  ดันกลายเป็นพวกลูกกระเป๋งของตัวเองทั้งนั้น..ถ้าอยากปะทะ ก็มาดิคะ..อิอิอิ

พร่ำพรรณนามาตั้งเยอะแยะ “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาที่ควันหลง MGI กันดีกว่า เพราะตั้งแต่โดน ตลท. สั่งขึ้นเครื่องหมาย  P หรือ “Pause” ซึ่งเป็นการห้ามซื้อขายหุ้นชั่วคราว หลังสภาพการซื้อขายผิดปกติจากความจริงไปมาก ก็มีการเรียกร้องให้ทำการตรวจสอบแบบเจาะลึก เพื่อสังคมชาวหุ้นจะได้รู้ว่า การขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้เป็นการ “ปั่น” หรือ “ไม่ปั่น” แบบนี้..มันแฟร์สำหรับทุกคนนะนายจ๋า!

ประกอบกับวานนี้หุ้นยังเดินหน้าขึ้นต่อแบบ “โนสน โนแคร์” ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 50 บาท บวกไป 8.25 บาท หรือขึ้นไป 19.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 384 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 96 เท่า หลายคนเลยมองเป็นเรื่องที่โอเว่อร์เหลือเกิน แถมเป็นการเล่นกับอนาคตชนิดที่ไกลมาก ๆ จึงกลายเป็นเกมสำหรับคนที่ชอบเสี่ยง ผนวกกับมีการเม้าท์มอยว่า มาร์เก็ตแคปของ “WORK” กับ “RS” ยังอยู่แค่ระดับ 5 พันล้าน..แต่คุณเธอปาเข้าไปหมื่นล้าน มันเป็นไปได้จั่งใด๋?

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องร้อนขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นนางงามอีกตัวอย่าง JKN ซึ่งเคยมีพิพาทกับรายข้างต้นอีกสักหน่อย และเหตุผลที่ต้องเม้าท์ถึง เพราะราคาหุ้นเหวี่ยงแรงเหลือเกิน และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 0.80 บาท ลบไป 0.07 บาท หรือลงไป 8.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนรู้สึกงงมาก ๆ ที่นักลงทุนยังกล้าเล่นหุ้นตัวนี้ หลังตัวบริษัทมีปัญหาการเงินรอแก้ไขมากมายน่ะซี 

อีกประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกงงงวยไม่แพ้กัน คงมองไปที่หุ้นน้องใหม่ PANEL ซึ่งก่อนเข้าเทรดมีกระแสข่าวออกมาแพร่สะพัดว่า ขาใหญ่ให้ความสนใจอย่างล้นหลาม และแต่ละคนพร้อมจะจับมือไปด้วยกัน เพราะเป็นธุรกิจเฉพาะทางที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นว่า ราคาหุ้นยืนไม่ได้ จนสุดท้ายยืนปิดที่ 3.50 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 978 ล้านบาทแบบนี้..ต้องเคลียร์กันหลังบ้านแล้วล่ะ

ตบท้ายกันที่เรื่องรบกวนจิตใจคนใน ก.ล.ต. กันดีกว่า หลังมีข่าวแว่ว ๆ ออกมาเป็นระลอกในทำนอง “เจ๊” อยากหวนคืนถิ่น แต่ครั้งนี้หมายตาไปที่ตำแหน่งประธาน แต่เผอิญหลายคนพอรู้แกว จึงทำท่าทีเฉย ๆ เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ แต่บางคนไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เพราะจากกันไปแล้ว..อย่ากลับมาอีกเลย เดี๊ยนในฐานะคนรับฟังข่าวสารจากพรายกระซิบมาอีกทอดหนึ่ง ก็ต้องตามสืบกันต่อไปว่า จริงป๊ะ!

Back to top button