ฝรั่งมองหุ้นไทยสวย เซ็กซี่ หรือยัง ???

ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) วิ่งกลับขึ้นไปทะลุ 1,400 จุดได้ ต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้า (Fund flow) เป็นตัวหนุน


เส้นทางนักลงทุน

ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) วิ่งกลับขึ้นไปทะลุ 1,400 จุดได้ ต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้า (Fund flow) เป็นตัวหนุน โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพลังงาน กลุ่มที่ผลการดำเนินงานปี 2566 ออกมาเติบโตดี ทำให้คาดหมายว่าน่าจะเป็นการซื้อดักรอรับเงินปันผลที่จะมีการทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 1-3 เดือนนี้

ทิศทาง Fund flow ที่ไหลเข้าส่งผลให้ยอดสุทธิของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติในเดือนกุมภาพันธ์ (1-22 ก.พ. 2567) พลิกกลับมาเป็นบวก มีซื้อสุทธิสะสม 10,693.94 ล้านบาท เป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อหุ้นไทยมากที่สุดในรอบเดือนนี้ สวนทางกับนักลงทุนรายย่อยที่ขายสุทธิ 1,509.90 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 5,788.01 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ขายสุทธิ 3,396.02 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยอด 2 เดือนปี 2567 (1 ม.ค.-22 ก.พ. 2567) ต่างชาติยังเป็นกลุ่มที่ขายหุ้นไทยหนักถึง 22,108.17 ล้านบาท เป็นการขายต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ขายออกเกือบ 2 แสนล้านบาท ตามด้วยกองทุนในประเทศ ขาย 7,245.70 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ขาย 2,533.60 ล้านบาท มีเพียงรายย่อยเท่านั้นที่เป็นฝ่ายซื้อ 29,959.47 ล้านบาท

“คำถาม” คือ ต่างชาติมองหุ้นไทยสวย เซ็กซี่ แล้วใช่ไหม ??? Fund flow จะไหลกลับยาวนานเท่าไหร่ ???

“คำตอบ” ของ “คำถาม” นี้ จะขอหยิบยกผลตอบรับจาก Singapore marketing ของบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ซึ่งได้โรดโชว์ที่สิงคโปร์เพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ตลาด ธนาคาร พลังงาน โทรคมนาคม กับกองทุนชั้นนำ 14 กองทุน สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

การประเมินมูลค่าที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ความสนใจใน SET จึงเพิ่มขึ้น แนวโน้มจาก consensus ในหมู่นักลงทุนพบว่าหุ้นไทยมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์ตั้งแต่ปีที่แล้ว และช่องว่างระหว่างตลาดหลักทรัพย์กับคู่แข่งกว้างขึ้นเพียงพอที่จะดึงความสนใจในตลาดไทยกลับมา ดังนั้นจึงคาดว่าการไหลออกของ Fund flow จะช้าลงในอนาคต

แต่นักลงทุนยังไม่เห็นเหตุผลและแนวคิดที่จะทำให้กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง แม้จะมีการประเมินมูลค่าที่น่าดึงดูด เพราะยากที่จะหาเรื่องราวที่น่าสนใจในการกลับเข้าสู่ตลาด หุ้นบางตัว เช่น หุ้นกลุ่มพาณิชย์ มีการดำเนินงานต่ำกว่าตลาดและมีปัจจัยกดดัน เช่น การบริโภคในประเทศอ่อนแอ ซึ่งอาจจำกัดการฟื้นตัวที่อาจเกิดขึ้นได้

และนักลงทุนบางส่วนยังคงมองว่า SET มีราคาแพงในแง่ของ P/E เทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของ EPS อ่อนแอ อย่างไรก็ตามได้เห็นความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหุ้นขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มพาณิชย์ การท่องเที่ยวและสุขภาพ

หากมองภาพรวม นักลงทุนจำนวนมากมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง แต่มีความคาดหวังว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะดีขึ้นบ้างในปีนี้ หนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณการคลัง และการผ่อนคลายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้เป็นการยากที่จะประเมินปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตและวิธีที่นโยบายของรัฐบาลจะช่วยได้ แนวโน้มดูแย่ลงในระยะสั้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย หรือเวียดนาม ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยต่อแนวโน้มเศรษฐกิจด้วย

นักลงทุนเห็นด้วยว่าควรมีการปรับปรุงบางส่วนในการบริโภคภายในประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากงบประมาณการคลังทั้งปีงบประมาณ 2567/2568 เริ่มมีประสิทธิผลและมีศักยภาพจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่วนการให้เงินช่วยเหลือดิจิทัลจำนวน 1 หมื่นบาท ดูเหมือนจะยากมาก นักลงทุนคาดว่าราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่ผิดหวังจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะบริษัทที่มีปัญหากับการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมที่อ่อนแอและธุรกิจวัสดุก่อสร้าง

การท่องเที่ยวและสุขภาพยังคงเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบ มีมุมมองสดใสมากขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ของกลุ่มได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก เช่น นักท่องเที่ยว ผู้ป่วยชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้น หนุนจากนโยบายของรัฐบาล เช่น ฟรีวีซ่า การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นอีกครั้งที่มีความสนใจในหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น เช่น กลุ่มโรงแรมระดับ lower-tier และเรื่องราวของเด็กหลอดแก้ว

นักลงทุนแบ่งปันมุมมองที่ระมัดระวังต่อกลุ่มธนาคาร บางรายเชื่อว่าแบงก์ชาติอาจลดอัตราดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อธนาคารขนาดใหญ่มากขึ้น

ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบเป็นกุญแจสำคัญที่ต้องจับตามองในกลุ่มพลังงาน ซึ่งนักลงทุนพูดถึงมาก และอาจเป็นเหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติไม่เต็มใจที่จะให้น้ำหนักกลุ่มนี้มากขึ้น

โดยสรุป ยังไม่เกิดกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับยาวนานในระยะสั้น แต่การไหลออกของ Fund flow จะช้าลงในอนาคต

Back to top button