พาราสาวะถี

ยังคงมีคำถามต่อเนื่องในเรื่องการปรับ ครม. ทั้งที่ เศรษฐา ทวีสิน ก็ยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอด เรื่องเสียง สส.รัฐบาล 314 เสียงมั่นคง มากพอแล้ว


ยังคงมีคำถามต่อเนื่องในเรื่องการปรับ ครม. ทั้งที่ เศรษฐา ทวีสิน ก็ยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอด เรื่องเสียง สส.รัฐบาล 314 เสียงมั่นคง มากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องดึงพรรคไหนมาร่วม ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีทั้งหมดก็ตั้งใจกันทำงานอย่างเต็มที่ จึงไม่มีเหตุที่จะต้องปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด แต่นักข่าวยังไม่ลดละพอเห็นนายกรัฐมนตรีมีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาผู้นำเหล่าทัพบ่อยครั้ง ก็คาดหมายกันว่าน่าจะทิ้งเก้าอี้รัฐมนตรีคลังแล้วมานั่งควบว่าการกระทรวงกลาโหมเองหรือเปล่า

คาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ล่าสุด น่าจะเป็นการตอกย้ำหรือส่งสัญญาณชัดเจนจากปากของผู้จัดการรัฐบาลอย่าง ภูมิธรรม เวชยชัย โอกาสของการปรับ ครม.นั้น น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการเริ่มใช้งบประมาณประจำปี 2567 ไปแล้วอย่างเร็วสุดคือ 3 เดือน หรือถ้าให้โอกาสรัฐมนตรีได้ทำงานเต็มที่ก็น่าจะ 6 เดือน ซึ่งงบประมาณก้อนนี้จากการเร่งรัดอย่างเต็มที่แล้ว มองว่าน่าจะเริ่มใช้ได้ประมาณกลางค่อนไปปลายเดือนเมษายนนี้ นั่นหมายความถ้าจะปรับ ครม.เร็วสุดก็เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

เหตุผลในแง่ของความเป็นไปได้ จากการถอดรหัสคำพูดของเสี่ยอ้วนก็คือ ขณะนี้รัฐมนตรีขับเคลื่อนงานโดยใช้นโยบายของรัฐบาลเป็นด้านหลัก ไม่มีงบประมาณในการไปดำเนินการเรื่องสำคัญต่าง ๆ ที่ต้องยอมรับว่าทำให้เกิดการติดขัดในหลายประการ ดังนั้น เมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ไปแล้ว รัฐมนตรีจะหมดข้ออ้างว่าไม่มีเงินทำงาน เมื่อโครงการวางไว้ชัด ดัชนีชี้วัดการทำงานหรือ KPI เศรษฐาก็ได้กำหนดไว้แล้ว หลังมีงบประมาณในการไปขับเคลื่อน ใครทำงานได้ไม่เหมาะสม ย่อมอยู่ในวิสัยที่คนเป็นผู้นำจะประเมินและปรับได้

ส่วนของพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากเศรษฐาจะเป็นผู้ประเมินหลักแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้กลับมาอยู่บ้านแล้ว ย่อมจะมีบทบาทสำคัญต่อการช่วยสแกนผลงานของรัฐมนตรีในสังกัดแต่ละรายได้ ประเภทสลับกระทรวงทำงานไม่น่าจะเกิด เพราะแต่ละคนที่ได้รับเลือกให้ไปทำหน้าที่ขณะนี้ถือว่าผ่านการเลือกและไว้วางใจมาอย่างดีแล้วโดยนายใหญ่ หากใครไร้ผลงาน ย่อมต้องยอมรับสภาพ เปลี่ยนบทบาทใหม่ตามแต่ที่จะได้รับมอบหมายให้ไปทำงาน

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีที่ได้ลาออกจากความเป็น สส.บัญชีรายชื่อของพรรคนายใหญ่นั้น น่าจะการันตีได้ว่าอยู่ยาวจนกว่ารัฐบาลจะมีอันเป็นไป ส่วนใครที่ไม่ได้ทิ้งตำแหน่งในสภาหินอ่อน ก็เป็นภาพสะท้อนอย่างหนึ่งว่ามีโอกาสที่จะถูกพิจารณาลำดับต้น ๆ หากประเมินผลการทำงานไม่ผ่านก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ในสภาหินอ่อนเพียงอย่างเดียว เท่าที่ตรวจทานสถานการณ์ภายในพรรคแกนนำรัฐบาลเวลานี้ทุกอย่างยังปกติดี เวลานี้ทีมการเมืองทั้งของพรรคและรัฐบาลต่างช่วยกันทำการบ้าน หาข้อมูลเพื่อเตรียมรับมือการซักฟอกของพวกลากตั้งในวันที่ 25 มีนาคมนี้

ทั้งนี้ มีรายงานว่าเบื้องต้นเท่าที่โยนหินถามทางไป ข้อมูลที่มีอยู่ในมือของพวกขาประจำที่ต้องแสดงบทบาทเพื่อรักษาพื้นที่ข่าวของตัวเองนั้น ยังเป็นเรื่องเดิมที่ไม่ได้สร้างความหนักใจใด ๆ ให้กับรัฐบาล ยิ่งเป็นเรื่องของทักษิณที่เกี่ยวข้องกับการพักโทษ หรือกระบวนการทางคดีแล้ว เป็นงานง่ายทั้งในแง่ของข้อกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงขั้นตอนในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การขอพระราชทานอภัยโทษ ทุกอย่างล้วนแต่เกิดขึ้นก่อนหน้ารัฐบาลเศรษฐาทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน ที่เกรงกันว่าพรรคฝ่ายค้านจะยื่นซักฟอกซ้ำดาบสองนั้น จนถึงขณะนี้การข่าวของพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาลตรงกัน ไม่มีประเด็นอะไรน่าเป็นห่วง อาจจะเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งที่ว่าหลังรับตำแหน่งมานานกว่า 6 เดือน เศรษฐาและคณะยังไม่มีงบประมาณก้อนใหม่ในการบริหารประเทศ เท่ากับว่าประเด็นเรื่องการทุจริต คอร์รัปชันยังไม่มี เช่นเดียวกับผลงาน เมื่อไร้งบประมาณดำเนินการอาศัยนโยบายในการขับเคลื่อน แค่เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นก็ถือว่าดีแล้ว หากจะกล่าวหาก็น่าจะเป็นเรื่องความผิดพลาดจากการบริหารของรัฐบาลก่อนหน้าเช่นกัน

ไม่ต่างกันกับเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เห็นและเป็นข่าวคือความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นให้ได้ของเศรษฐาและรัฐบาล แต่ความเป็นจริงคือไม่สามารถใส่เกียร์เดินหน้าได้ทันที เนื่องจากเสียงทักท้วงรอบด้าน จึงเกิดการดึงจังหวะ ทนต่อเสียงก่นด่า และเย้ยหยันว่าซื้อเวลา หาช่องที่จะไม่ไปต่อ ขณะที่ฝ่ายกุมอำนาจก็ย้ำตลอดว่าเพื่อความรอบคอบตามเสียงทักท้วงของฝ่ายต่าง ๆ นั่น ย่อมเป็นการปิดจุดบกพร่องหรือช่องโหว่ที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบไปเป็นประเด็นโจมตีทางการเมืองได้

ทางด้านเศรษฐาก็ยังคงโชว์ลูกขยันทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดูจากโปรแกรมหลังเสร็จสิ้นภารกิจลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในเวลา 3 วัน กลับเข้ากรุงเทพฯ พักผ่อนแค่วันเดียว พรุ่งนี้ (2 มีนาคม) ก็ลุยต่อลงพื้นที่ตรวจราชการที่ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ไปดูเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง ก่อนปิดท้ายด้วยการติดตามความสำเร็จ 30 บาทรักษาทุกที่ การแก้ไขปัญหายาเสพติด การพัฒนาท่องเที่ยวบึงโพนทอง การพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ติดตามความล่าช้าในการออกโฉนด ส.ค.1 และที่ดินว่างเปล่าของอำเภอโพนทอง หนองพอก เมยวดี โพธิชัย จังหวัดร้อยเอ็ด

อัดคิวแน่นทั้งสองจังหวัดตลอดวัน ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงเย็น วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ก็แสดงความฟิตนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ครม. เหตุที่ต้องถกกันในวันหยุด เพราะช่วงวันที่ 4-14 มีนาคม เศรษฐาจะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียน-ออสเตรเลีย ที่ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นจะเดินทางต่อไปเยือนเยอรมนีและฝรั่งเศส เป็นการทำงานเพื่อบ้านเมืองตามทิศทางที่ตัวเองได้ร่วมกำหนดไว้กับพรรคแกนนำรัฐบาล

โดยที่ไม่ต้องเป็นห่วงงานด้านการเมืองเมื่อ แพทองธาร ชินวัตร มากุมบังเหียนพรรคเพื่อไทย ทำให้แรงกระเพื่อมที่ว่าด้วยการเคลื่อนไหวบ่อนเซาะความมั่นคงของรัฐบาลเพื่อหวังเก้าอี้ในฝ่ายบริหารไม่เกิดขึ้น เศรษฐายิ่งทำงานอย่างสบายใจ ขณะที่จังหวะที่นายกฯ เดินทางกลับมานั้น อุ๊งอิ๊งก็มีคิวจะเดินทางไปเยือนกัมพูชาตามคำเชิญของสมเด็จฮุน เซน ฝ่ายบริหารและฝ่ายการเมืองจับมือกันทำงานเช่นนี้ พร้อมกับการให้พรรคร่วมรัฐบาลได้แสดงฝีมือในการทำงานอย่างเต็มที่ แบบนี้พวกจ้องจะล้มก็จนปัญญาที่จะเล่นงาน

Back to top button