หัวหมอตายเพราะปาก?
จริง ๆ เดี๊ยนรู้สึกเบื่อมากที่จะพูดถึงหุ้น “มิสรวย..อุ๊ย..มิสแกรนด์” เต็มที่ เพราะเหมือนเป็นการให้ค่าหุ้นที่มีลักษณะคอนเนอร์มากเกินไป
จริง ๆ เดี๊ยนรู้สึกเบื่อมากที่จะพูดถึงหุ้น “มิสรวย..อุ๊ย..มิสแกรนด์” เต็มที่ เพราะเหมือนเป็นการให้ค่าหุ้นที่มีลักษณะคอนเนอร์มากเกินไป แต่เผอิญกระแสข่าวลบยังมีออกมาเป็นระลอก และก๊กก๊วนที่ชอบอุปโลกน์ตัวเองเป็นพระบิดาแห่งการลงทุน ยังทำตัวปากแจ๋วใส่คนอื่นที่เห็นต่างตลอดเวลา “โมนิก้า” เลยต้องเป็นตัวแทนหมู่บ้านเพื่อ “ปะฉะดะ” กับพวก “หัว..” ไงล่ะคะ
ที่น่าสนใจคือ MGI กลายเป็นหุ้นที่สร้างศัตรูไว้ในตลาดหุ้นมากมาย ทั้งที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นได้ไม่กี่เดือน ก็เริ่มมีคดีความที่นำไปสู่การขึ้นโรงขึ้นศาลแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องผิดปกติมาก ๆ ในแวดวงตลาดหุ้น เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครด่า ตลท. แบบไม่ไว้หน้า และการกระทำครั้งนี้ถือว่า เสียมารยาทมาก ๆ เพราะการขึ้นเครื่องหมาย P ทั้งหมด 3 ครั้ง มันมีองค์ประกอบครบถ้วน (ตลท. เขามีมาตรฐาน) นะตัวเอง
ในเมื่อก๊กก๊วนตัวเองเริ่มมั่วข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังแถจนสีข้างแดงปื้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีปฏิบัติการเอาความจริงมาสู้กับพวกที่ชอบอุปโลกน์ตัวเอง แถมยังมีผู้คนมากมายในตลาดหุ้นช่วยจับผิดตลอดเวลา “โมนิก้า” มองเป็นวิบากรรมที่คนพวกนี้ต้องเผชิญไปอีกนาน ผนวกกับคนในวงการได้เห็นถึงนิสัยใจคอก๊กก๊วนนี้แบบแจ่มแจ้ง จึงบอกได้เลยว่า “ตายเพราะปาก” นะจะบอกให้
ประเด็นดังกล่าวดูได้จากแรงขายที่สาดใส่ไม่ยั้ง นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดให้มีการซื้อขายหุ้น MGI แม้ในระหว่างทางจะมีการลากหุ้นให้กลับไปที่เดิม แต่ก็ถูกถล่มซ้ำเป็นระลอกที่สองระลอกที่สาม จนสุดท้ายหุ้นยืนปิดที่ระดับ 45.50 บาท ลบไป 19.75 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 577 ล้านบาท “โมนิก้า” อยากรู้เหลือเกินว่า ลักษณะแบบนี้เขาเรียก “คอนเนอร์แตก” หรือเปล่า?..พวกปากแจ๋วช่วยตอบที!
ในเมื่อสาวกผู้คลั่งไคล้แบบไม่ลืมหูลืมตา เริ่มมีการเปลี่ยนท่าทีไปจากเดิม และพากันหนีลงดอยแบบไม่บอกกล่าว เพราะรู้ชะตากรรมแล้วว่า เที่ยวนี้ ตลท. กัดไม่ปล่อย “โมนิก้า” ก็อยากรู้เหลือเกินว่า ต่อจากนี้จะมีใครกล้าเข้ามา “ร่วมด้วยช่วยดัน” เหมือนเที่ยวก่อนอีกไหม? เพราะสภาพของหุ้นเริ่มเละเทะ และบรรดาแมงเม่าเริ่มรู้แกว..หากไม่กล้าพอ และไม่ไวพอ ก็ขอดูห่าง ๆ ดีกว่านะคุณแม๊!
สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะกระทบชิ่งไปถึงหุ้น KAMART แบบเต็ม ๆ ซึ่งเขาว่ากันว่า หุ้นตัวนี้อยู่ภายใต้การคอนโทรลของก๊กก๊วนที่ชอบอุปโลกน์ตัวเองเป็นพระบิดาแห่งการลงทุน (รู้ไปหมด เก่งไปหมด นะพ่อคุณ) จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ราคาหุ้นจะทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 13.40 บาท ลบไป 2.90 บาท หรือลงไป 17.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาท เพราะขบวนทัพเริ่มแตกแถว และกลัวอีกฝั่งสาดใส่กระมัง!
เรื่องนี้เชื่อมโยงไปถึงหุ้น AJA แบบช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะการเอาเผือกร้อนมาไว้ในมือ ย่อมปวดแสบปวดร้อนเป็นธรรมดา และการที่หุ้นฟุบตัวลงมาปิดที่ระดับ 0.37 บาท ลบไป 0.13 บาท หรือลงไป 26% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 493 ล้านบาท เกี่ยวข้องการแต่งตั้งใครบางคนเข้ามานั่งในบริษัทหรือเปล่า? เพราะในช่วงแรกที่เป็นข่าวฮือฮา ราคาหุ้นก็ตอบรับอย่างร้อนแรง แต่ทันทีที่มีประเด็นพิพาทกับผู้คนในตลาดหุ้น ราคาหุ้นก็เริ่มเสียทรงซะแล้ว..อิอิอิ
ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงสถานการณ์ของหุ้นที่ลงหนัก ๆ “โมนิก้า” ขอย้อนไปดูสถานการณ์ของหุ้นน้องใหม่อย่าง PANEL กันสักหน่อย เพราะการลงมาปิดที่ระดับ 2.54 บาท ลบไป 0.24 บาท หรือลงไป 8.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังพอสมควร เพราะราคาหุ้นเอาแต่มุดหัวลงตั้งแต่เทรดวันแรก บรรดาแมงลือเลยเม้าท์กันให้แซ่ดว่า หมอเปิดตูด..เสี่ยชิ่งหนีไปนานแล้ว..จริงหรือไม่? ไปถามกันเอาเอง เพราะเดี๊ยนก็ฟังเขามาอีกทีจ้า!
สุดท้ายนี้ “โมนิก้า” หวังว่า ทุกคนคงเข้าใจเจตนาดีที่มีให้กับทุกคน และอยากให้ทุกอย่างตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง เพราะหากมีอะไรเสียหายขึ้นมาจริง ๆ แมงเม่านั้นแหละ..จะเจ็บหนัก และคนที่ต้องเข้าไปรับหน้าเสื่อก็หนีไม่พ้น ตลท. อีกเช่นเคย จึงขอย้ำกับทุกคนอีกครั้งว่า เดี๊ยนวิจารณ์ด้วยความเป็นกลาง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะสิ่งที่ขีดเขียนช่วยให้สังคมชาวหุ้นได้ฉุกคิดกันมากขึ้น!..รักนะ..จุ๊บ..จุ๊บ