BYD สู่เส้นทาง Growth
ขณะที่ BYD ซึ่งเป็นร่างใหม่ของ AEC สาละวนอยู่กับการปรับโครงสร้างใหม่ เพื่ออัพสถานะขึ้นเป็น “โฮลดิ้งคอมปานี” ภายใต้ชื่อบริษัท บียอนด์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ซึ่งเป็นร่างใหม่ของบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC สาละวนอยู่กับการปรับโครงสร้างใหม่ เพื่ออัพสถานะขึ้นเป็น “โฮลดิ้งคอมปานี” ภายใต้ชื่อบริษัท บียอนด์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นไฟเขียวไปเรียบร้อยแล้ว…คาดกระบวนการจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2567
แต่ระหว่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ทำอะไรนะ ล่าสุดเพิ่งเล่นใหญ่…จัดทริปแถลงแผนธุรกิจและทิศทางการดำเนินงานปี 2567 กันบนเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา…แหม๊ ดูก็รู้แหละว่าอยากโชว์ของ อุ๊ย…โชว์ศักยภาพเรือไฟฟ้า MINE Smart Ferry ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) บริษัทร่วมทุนของ BYD ว่ามันเจ๋งแค่ไหน..? ก็สมราคาคุยอยู่หนา…
ส่วนไฮไลท์ที่น่าสนใจของการแถลงแผนธุรกิจครั้งนี้ เห็นจะเป็นการประกาศกร้าวของ “ออมสิน ศิริ” ที่ได้รับความไว้วางใจจาก “เสี่ยสมโภชน์ อาหุนัย” แห่งอาณาจักร EA ให้มานำทัพ BYD ซึ่งขายฝันว่าปีนี้จะเทิร์นอะราวด์ (อีกครั้ง)..!? ของแทร่แน่นะเจ้า…
โดยมีธุรกิจหลักทรัพย์รับบทเจ๊ดันรายได้ หลังจากมีบุคลากรใหม่ ๆ ที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพเข้ามาเสริมทีมมากขึ้น ซึ่งคาดรายได้ธุรกิจหลักทรัพย์ในปีนี้จะเติบโตเป็น 3 เท่า แตะที่ 1,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วมีรายได้อยู่ที่ 300 ล้านบาท อันนี้ยังไม่รวมรายได้ดอกเบี้ยรับจากการให้กู้ยืมนะ
เอ๊ะ…ถ้าดูจากสถานะการณ์ภาวะตลาดโดยรวมช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่มูลค่าการซื้อขายยังแห้งเหี่ยว เฉลี่ยวันหนึ่งเทรดกันแค่ 4-5 หมื่นล้านบาท บางวันไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท ก็มีให้เห็น…น่าคิดว่า BYD ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน..? ถึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนั้นว่า ธุรกิจหลักทรัพย์จะเติบโตก้าวกระโดดนำไปสู่หนทางการเทิร์นอะราวด์ได้..!!
“ออมสิน” ขยายความว่า “เชื่อว่าช่วงที่คนอื่นอ่อนแอ ถ้าเราแข็งแรงพอ แล้วแย่งมาร์เก็ตแชร์มาได้ มันก็เป็นไปได้ ซึ่งตอนนี้เรามีทีมที่แข็งแรง มีโปรดักส์ที่หลากหลาย ด้วยองค์ประกอบที่ครบ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่น่าสนใจปีที่แล้ว เราปล่อยกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ผ่านบัญชีมาร์จิ้น (มาร์จิ้นโลน) ทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 500 ล้านบาท มีรายได้ดอกเบี้ยรับจากมาร์จิ้นโลนอยู่ที่ 36 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปล่อยจากฐานเล็ก ๆ…ลองคิดดูถ้าฐานใหญ่ขึ้น โดยขณะนี้มีวงเงินในการปล่อยเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท เชื่อใจว่ามาร์จิ้นโลนจะเติบโตเป็น 2 เท่าได้”
ด้วยสรรพกำลังดังกล่าว เลยวาดฝันไว้ว่าภายในปีนี้จะทำให้ BYD จากเดิมเคยเป็นเด็กหลังห้อง (มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ท้ายตาราง) จะขยับสถานะมาเป็นเด็กกลางห้อง (มาร์เก็ตแชร์ขยับมาอยู่กลางตาราง) และคาดจะขึ้น TOP 10 ภายใน 2 ปีนะจิบอกให้…
ส่วนจะเป็นฝันที่เป็นจริงหรือฝันกลางแดด..? คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แหละ
ไม่หมดเท่านี้ ในส่วนของธุรกิจรถบัส EV ซึ่งเป็นขาที่สองของ BYD ดำเนินการผ่านบริษัท ไทย สมายล์ บัส ก็น่าสนใจ คาดในปีนี้จะมีการส่งรถเพิ่มอีก 800-900 คัน จากเดิมที่มีกว่า 2,000 คัน ทำให้สิ้นปีทะลุ 3,000 คัน…นั่นหมายความว่า นอกจากจะมีรายได้จากการขายรถบัส EV ที่เพิ่มขึ้นแล้ว BYD จะมีรายได้จากดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมแก่บริษัท ไทย สมายล์ บัส และคู่ค้าที่จะตามมาเพิ่มขึ้นด้วย
ก็น่าสนใจนะเนี่ย…ไม่นับรวมการขยายไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ อาทิ ธุรกิจ Wealth Management ธุรกิจนายหน้าขายประกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการฟอร์มทีม และธุรกิจคาร์บอนเครดิต เป็นต้น
ส่วนประเด็นที่เป็นข้อกังขาของนักลงทุนว่า หลังจากขึ้นเป็นโฮลดิ้งแล้ว เสน่ห์ของหุ้น BYD จะหายไปอ๊ะป่าว..?
ในเรื่องนี้ “ออมสิน” นั่งยันนอนยันว่า จะไม่เห็นภาพอย่างนั้นแน่นอน…
“สิ่งสำคัญของแต่ละโฮลดิ้งขึ้นอยู่กับการครีเอตแวลูในการเป็นโฮลดิ้งได้มากน้อยแค่ไหนมากกว่า ในส่วนของ BYD จำเป็นต้องขึ้นเป็นโฮลดิ้ง เพราะธุรกิจหลักทรัพย์ถูกตีกรอบให้ไม่สามารถไปลงทุนทำอย่างอื่นได้ การขึ้นเป็นโฮลดิ้งมันช่วยปลดล็อก เป็นหนทางในการสร้าง Growth ให้กับบริษัท ฉะนั้นนอกจากจะไม่ทำให้เสน่ห์ของหุ้น BYD หายไปแล้ว ในทางกลับกัน จะช่วยเพิ่มเสน่ห์มากขึ้น จากโอกาสการเติบโตที่สูงขึ้น”
รับทราบกันตามนี้นะเจ้าคะ..!!
…อิ อิ อิ…