พาราสาวะถีอรชุน
วันเด็กที่ผ่านมาผู้ปกครองคงแห่แหนพาลูกหลานไปชมทำเนียบรัฐบาลเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติเช่นทุกปี แต่ที่พิเศษสำหรับปีนี้คือลุงตู่ใจดีมีไดโนเสาร์จำลองมาอวดให้เด็กๆได้ตื่นเต้นกันด้วย เห็นภาพเช่นนั้นแล้วก็ชวนให้นึกย้อนมองภาพอีกมุม สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ท่านผู้นำเอามาโชว์ หากคิดให้ดีนี่เป็นการเปิดเผยตัวตนของชาวคณะผู้มีอำนาจหรือไม่ว่า คิดและดำเนินการกระบวนการปฏิรูปประเทศอย่างไร
วันเด็กที่ผ่านมาผู้ปกครองคงแห่แหนพาลูกหลานไปชมทำเนียบรัฐบาลเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติเช่นทุกปี แต่ที่พิเศษสำหรับปีนี้คือลุงตู่ใจดีมีไดโนเสาร์จำลองมาอวดให้เด็กๆได้ตื่นเต้นกันด้วย เห็นภาพเช่นนั้นแล้วก็ชวนให้นึกย้อนมองภาพอีกมุม สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ท่านผู้นำเอามาโชว์ หากคิดให้ดีนี่เป็นการเปิดเผยตัวตนของชาวคณะผู้มีอำนาจหรือไม่ว่า คิดและดำเนินการกระบวนการปฏิรูปประเทศอย่างไร
เสียดายน่าจะหาเต่าล้านปีมาจัดแสดงด้วยจะได้ครบสูตร พูดกันไว้เท่านี้อย่าไปขยายผลอะไรมาก ท่านผู้นำกำลังปฏิรูปตัวเองไม่หงุดหงิด ไม่โมโหและเพิ่งบอกกับนักข่าวทำเนียบฯไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเองไม่ใช่คนฉุนเฉียว แต่ด้วยความเป็นผู้บังคับบัญชาทหารมันต้องขึงขังให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกรงกลัว อันนั้นพอเข้าใจ แต่นิสัยหรือลักษณะดังว่าควรถอดทิ้งตั้งแต่หมดหัวโขนผู้นำกองทัพไปแล้ว
การทำงานบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องมีความสุขุมคัมภีรภาพเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถูกคำถามยั่วยุชวนให้โกรธายิ่งต้องนิ่งสงบ มันจึงแสดงให้เห็นความมีวุฒิภาวะ แต่ประเภทมึงมาพาโวย ใครแตะไม่ได้ ไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารประเทศที่ดี คงไม่ต้องนิมนต์พระดังรูปใดมาช่วยเตือนสติ ที่ท่านตั้งปณิธานจะปฏิรูปตัวเองนั่นย่อมสะท้อนให้เห็นแล้วว่า ภาพลักษณ์ที่สู่สายตาคนทั้งประเทศและทั่วโลกนั้นมันดีหรือแย่อย่างไร
พรุ่งนี้ชาวสวนยางใต้นัดหมายหารือกำหนดท่าทีก่อนที่จะเคลื่อนพลเข้ากรุงบุกทำเนียบฯเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องราคายางพารา โดยที่แกนนำชาวสวนยางต่างพากันยืนยันไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทว่าการที่ ถาวร เสนเนียม ออกมาประกาศกร้าวจะต้องช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนยางอย่างเต็มที่นั้น ไม่รู้ว่าจะเกิดผลดีหรือทำให้มีปัญหา
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้น ขณะที่แกนนำสวนยางกำลังสาละวนกับการเตรียมการเคลื่อนไหว เพราะทนรับกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นไม่ได้ อีกฟากหัวเรือใหญ่กปปส. สุเทพ เทือกสุบรรณ กลับควง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไปโปรโมตเชิญชวนคนไปเที่ยวงานสมุยเฟสติวัล จนทำให้ถูกด่าลั่นเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว มองไม่เห็นหัวความเดือดร้อนของคนส่วนใหญ่ที่เคยไปเป็นแนวร่วมชัตดาวน์กทม.
ต้องยอมรับสภาพก็เทพเทือกประกาศไว้ตั้งแต่ตอนโกนหัวห่มผ้าเหลือง ขอให้พี่น้องชาวสวนยางใจเย็นๆ ให้โอกาสรัฐบาลในการทำงานแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ทนกันมาได้ตั้งแต่ยางราคากิโลกรัมละ 50 บาทจนลดเหลือ 3 โลร้อยและวันนี้เป็น 4 โลไม่ถึงร้อย คงไม่มีใครจะทนเชื่อน้ำคำของลุงกำนันกันอีกต่อไป แต่เชื่อได้เลยว่าก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้คงมีการเจรจากันสุดฤทธิ์
แต่ถ้าประเมินจากท่าทีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ต้องมากดดันรัฐบาลไม่มีปัญญาหาเงินไปช่วย พร้อมยกกฎหมายมาขู่ ดูแล้วคงไม่มีทางที่ชาวสวนยางจะได้รับการช่วยเหลือตามคำเรียกร้องแน่นอน การที่พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์หลุดวลี ”ทุกวันนี้ก็กดดันจะตายอยู่แล้ว” น่าจะเป็นคำตอบต่อการแก้ไขในทุกปัญหา
ที่น่าเจ็บใจและเจ็บปวดมากที่สุดสำหรับชาวสวนยางใต้คงเป็นเรื่องของการหลงคารมคนตัวดำกับคนตัวเตี้ยและผู้นำมวลมหาประชาชนทั้งหลาย ซึ่งช่วงอยู่บนเวทีม็อบชัตดาวน์กรุงเทพฯ คุยโขมงจะทำให้ราคายางสูงเกินกิโลละ 100 บาทอย่างแน่นอน สถานการณ์ที่เป็นอยู่เวลานี้คงช่วยการันตีคุณภาพของคนพรรคการเมืองเก่าแก่ได้เป็นอย่างดีว่า คำว่า “ดีแต่พูด” นั้น ไม่ได้มาเพราะว่าความมีอคติใดๆ
จะว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจบรรดาคนดีทั้งหลาย ไม่พอใจคนการเมืองและพรรคการเมืองบางพวก ถึงขั้นทิ้งหลักการความถูกต้องทั้งหลายทั้งปวงเพื่อให้ได้รัฐบาลพิเศษจากปลายกระบอกปืนมาบริหารประเทศ แต่ทำไปทำมาดูท่าว่า คนดีเหยียบตาปลากันเอง เห็นได้จากกรณีหัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลด 7 บอร์ดของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือสสส.
ต้องไม่ลืมว่าบอร์ดเหล่านี้ก็คือคนดีกลุ่มหนึ่งที่เคยร่วมขบวนการม็อบนกหวีด ไม่เพียงเท่านั้นกลุ่มคนดังว่ายังได้รับการการันตีจาก “ราษฎรอาวุโส” ประเวศ วะสี ถึงขนาดที่เจ้าตัวประกาศเป็นมั่นเหมาะว่า พวกเราได้เดินทางมาไกลแล้ว การตรวจสอบสสส.จึงเป็นเพียงคลื่นเล็กๆ ที่ไม่สามารถทำอะไรเราได้ คำสั่งปลดดังกล่าวคงเป็นบทพิสูจน์แล้วว่าผู้มีอำนาจคิดเหมือนราษฎรอาวุโสหรือเปล่า
ข้อกล่าวหาเรื่องใช้เงินผิดวัตถุประสงค์น่าจะเป็นชนักปักหลังที่ผู้บริหารและบอร์ดสสส.จะต้องสลัดให้หลุด แต่คงยาก ดังนั้น กรณีนี้อาจมองได้ว่า นี่เป็นสงครามคนดี ที่หันมาสาดโคลนและเล่นงานกันเอง จากเดิมที่ผนึกกำลังเล่นงานคนในเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ทุกรูปแบบ แต่วันนี้กลับมาแว้งกัดพวกเดียวกัน มันย่อมสะท้อนภาพผลประโยชน์ที่รวมกับอำนาจซึ่งไม่สามารถจัดสรรกันลงตัว
ตั้งแต่วันวานยาวไปถึงวันที่ 17 มกราคม กรธ.ที่นำโดย มีชัย ฤชุพันธุ์ ไปปักหลักถกรัฐธรรมนูญรายมาตราก่อนจะคลอดเป็นร่างแรกกันที่ชะอำ พร้อมทำเก๋จะแถลงเป็นรายวันให้นักข่าวนำเสนอกันแบบมาตราต่อมาตรากันเลยทีเดียว แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้า จะชี้แจงกันรายวันรายนาทีหรือรายวินาทีมันก็ไม่ช่วยให้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาได้
ยิ่งได้ยินทีมโฆษกกรธ.แถลงไปเมื่อวันก่อน นอกจากจะชี้แจงกันเป็นรายมาตราแล้ว ยังจะเขียนกำกับไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยว่า แต่ละมาตรานั้นยึดโยงกับมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 และหลักการ 5 ข้อของคสช.อย่างไร ในเมื่อเดินไปตามกรอบนี้ที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์กันไปตั้งแต่คราวคณะกรรมาธิการยกร่างชุดบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มันจะเหลืออะไรให้ต้องลุ้นกันอีกเล่า
แปลกและแตกต่างออกไปก็เพียงแค่ถ้อยคำและภาษาที่จะทำให้ดูเนียนตามากกว่าฉบับด๊อกเตอร์ปื๊ดก็เท่านั้น พร้อมการพลิกแพลงวิธีการและกติกากันเล็กน้อย คงไม่ต้องคิดอะไรกันมาก วางเดิมพันกันไว้ตรงนี้ เมื่อถึงคราวลงประชามติ ก็จะมีมุกเดิมๆมาขู่ประชาชน ถ้าอยากให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก็ต้องไปโหวตผ่านร่างรัฐธรรมนูญ แต่หากอยากให้คสช.อยู่ต่อไปนานๆก็โหวตคว่ำได้เลย ทางเลือกของประเทศมันเป็นไปได้เท่านี้จริงๆ เอวัง!