M กำไรสตรอง!

ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดปิ้งย่างและชาบู-สุกี้ที่แข่งขันกันดุเดือด ลูกค้าพี่ใหญ่อย่าง M ยังสามารถประคองตัวได้ดี


คุณค่าบริษัท

ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดปิ้งย่างและชาบู-สุกี้ที่แข่งขันกันดุเดือด แถมยังถูกกระแสหม้อไฟหม่าล่ามาเบียดบังลูกค้าไปอีก แต่พี่ใหญ่อย่างบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M ซึ่งทำธุรกิจสุกี้ในนามร้านเอ็มเคสุกี้ ก่อนจะขยายไปสู่ธุรกิจชาบู ภายใต้แบรนด์ยาโยอิ และอื่น ๆ เช่น ร้านอาหารไทย ร้านกาแฟ ขนมหวาน ข้าวกล่อง ฯลฯ ก็ยังสามารถประคองตัวได้ดี

โดยในไตรมาส 4/2566 รายงานกำไรสุทธิที่ 509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 4,042 ล้านบาท ลดลง 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 4,149 ล้านบาท

กำไรในไตรมาสนี้ที่เพิ่มขึ้น หลัก ๆ มาจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 67% เพิ่มขึ้นจาก 65% ในไตรมาส 4/2565 จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารลดลง 7.9% จากค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ต่ำกว่าคาด โดยอาจจะเกิดจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายโบนัสค้างจ่าย และค่าไฟฟ้าที่ลดลง ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงเหลือ 53.3% จาก 56.3% ในไตรมาส 4/2565 นอกจากนี้ยังมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 88 ล้านบาท

หนุนให้งบงวดปี 2566 ของ M มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,439 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 16,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 15,728 ล้านบาท

ขณะที่ มุมมองของนักวิเคราะห์ยังมองบวกต่อการเติบโตของ M นำโดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า เบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 จะเร่งตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 1/2566 แต่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ส่วนมากจากราคาค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และ M ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ E-Receipt

อย่างไรก็ดี รายได้น่าจะสูงกว่าระดับก่อนโควิดตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป เนื่องจากเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ยังมั่นใจว่าอำนาจในการซื้อจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในปี 2567 คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1.76 พันล้านบาท เติบโต 4.3% จากปีก่อน

ด้านบล.พาย ระบุว่า M มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2566 ที่ 508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 31% จากไตรมาสก่อน และสูงกว่าคาด 39% ผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2566 เติบโต 17% จากปีก่อน

โดยคาดกำไรปี 2567 ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่าย แม้การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 10% ในช่วงเดือน ม.ค. (MK ติดลบ 11%, Yayoi ติดลบ 10% และแหลมเจริญซีฟู้ดติดลบ 9%) ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 35% ตั้งแต่ต้นปี 2566 สะท้อนปัจจัยลบไปค่อนข้างมากแล้ว

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น M ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 19.57 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.12 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาดเล็กน้อย สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 2.38 เท่า ก็ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.34 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 44.11 บาท จากราคาต่ำสุด 35.30 บาท และราคาสูงสุด 55 บาท

Back to top button