‘หุ้นปันผล’ ทางเลือกยามผันผวน.?

ข้อมูล Janus Henderson บริษัทจัดการสินทรัพย์สัญชาติอังกฤษ รายงานว่าปี 2566 การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นทั่วโลก อยู่ที่ระดับ 1.66 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมีอัตราเพิ่มขึ้น 7.2% ช่วงไตรมาส 4/66 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66

ตัวเลขดังกล่าว มีการปรับเปลี่ยนตามอัตราแลกเปลี่ยน, เงินปันผลพิเศษแบบจ่ายครั้งเดียวและปัจจัยทางเทคนิคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปฏิทินการจ่ายเงินปันผล รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของดัชนีด้วย

โดยกลุ่มธนาคารมีการเติบโตมากสุด คิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของการจ่ายเงินปันผลทั่วโลก และถือว่ามีการจ่ายเงินปันผลสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นช่วยเพิ่มอัตรากำไรอย่างมีนัยสำคัญ…

ช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารขนาดใหญ่อย่าง JPMorgan Chase, Wells Fargo และ Morgan Stanley  มีแผนการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาส หลังผ่านบททดสอบ stress test จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าบริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เท่าใด

รายงานของ Janus Henderson ระบุว่า การจ่ายปันผลกลุ่มธนาคารในตลาดเกิดใหม่ เป็นส่วนช่วยอย่างมากที่ทำให้อัตราการจ่ายปันผลโดยรวมสูงขึ้น แม้ธนาคารจีน จะไม่ได้มีการจ่ายปันผลอย่างหนักรอบนี้ก็ตาม

แต่ทว่าผลบวกจากการจ่ายเงินปันผลกลุ่มธนาคาร ถูกกลบจนเกือบหมดจากการลดเงินปันผลภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ที่รายงานระบุว่า การลดเงินปันผลจำนวนมากของบริษัท BHP, Petrobras, Rio Tinto, Intel และ AT&T ส่งผลให้การเติบโตของเงินปันผลทั่วโลกลดลง 2% บดบังการเติบโตจากหลายส่วนของโลกอย่างมีนัยสำคัญ

โดยบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกกว่า 86% เลือกเพิ่มเงินปันผลหรือคงระดับไว้ให้เท่ากับปี 2566 โดยมี 22 ประเทศ เช่น สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, แคนาดา เม็กซิโกและอินโดนีเซีย ที่จ่ายเงินปันผลสูงเป็นประวัติการณ์ช่วงปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ Janus Henderson ประมาณการว่า มูลค่าเงินปันผลทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 5% แตะระดับ 1.72 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยปี 2566 มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นกว่า 593,098 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่จ่ายปันผลกว่า 617,760 ล้านบาท แต่หากพิจารณาการจ่ายเงินปันผลตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.49%

กลุ่มธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงสุด 3 อันดับแรก ปี 2566 คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคารและหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยบริษัทจดทะเบียนหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวนกว่า 137,737 ล้านบาท กลุ่มธนาคารจ่ายเงินปันผลจำนวนกว่า 130,738 ล้านบาท และบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

จากความสามารถการจ่ายเงินปันผล งวดปี 2566 พบว่า จำนวน 823 บริษัท มีผลประกอบการมีกำไรสุทธิกว่า 946,605 ล้านบาท ลดลง 2.6% จากปี 2565

อย่างไรก็ดีสัดส่วน 76% จากบริษัททั้งหมด (625 บริษัท) มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน แต่บริษัทเหล่านี้จะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นหรือไม่..!?

งานนี้..ขึ้นอยู่กับว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่ละบริษัท

ดูจากสถิติการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว..บ่งชี้ให้เห็นว่ายามตลาดหุ้นผันผวน..“หุ้นปันผล” จึงเป็นทางเลือกที่อย่างน้อย ถือเป็นการคืนเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นและลดทอนผลขาดทุนจากส่วนต่างราคาหุ้น (Capital Gain) ได้เป็นอย่างดี..!