พาราสาวะถี
เริ่มมีกิจกรรมให้ได้ติดตามต่อเนื่องสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากเสร็จภารกิจเดินทางกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
เริ่มมีกิจกรรมให้ได้ติดตามต่อเนื่องสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากเสร็จภารกิจเดินทางกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา สุดสัปดาห์เมื่อวันอาทิตย์ได้ไปตัดผมย่านสีลม เจอแฟนคลับขอถ่ายรูปกันด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น โดยที่มีรายงานข่าวว่าเวลา 13.45 น. อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยเปิดโอกาสให้ สส.เข้าพบ คาดว่าจะเป็นการทยอยเข้าพบเป็นกลุ่ม ๆ ตามรายจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด เพราะที่ผ่านมามี สส.จำนวนมากต้องการพบนายใหญ่
อย่างไรก็ตาม การมาดังกล่าวเพื่อให้ สส.พบเพื่อเยี่ยมเยียน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จะไม่เข้าไปร่วมประชุมพรรคหรือเกี่ยวข้องใด ๆ กับการประชุมของพรรคแต่อย่างใด ทั้งนี้ เป็นที่ยืนยันแล้วว่าในช่วงสงกรานต์อดีตนายกฯ จะเดินทางไปเชียงใหม่อีกรอบ นอกเหนือจากการพักผ่อนแล้ว จะเปิดโอกาสให้บุคคลใกล้ชิด ซึ่งอาจรวมถึงรัฐมนตรี หรือ สส.ของพรรคเข้ารดน้ำ ขอพร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ด้วย คาดว่าจะมีกำหนดการออกมาในช่วงต้นเดือนหน้านี้
การเดินทางเข้าพรรคของทักษิณย่อมหนีไม่พ้นจากถูกจับจ้อง และวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะประเด็นการครอบงำพรรค เป้าหมายเพื่อที่จะหาเหตุนำไปสู่การยุบพรรค (ให้ได้) ในกรณีนี้หากมองในมิติความเป็นจริง ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคแม้จะแปรเปลี่ยนมาจากไทยรักไทย และพลังประชาชน แต่นี่คือผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคอย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเดินทางเข้าพรรคได้ โดยไม่ได้ข้องเกี่ยวกับกิจกรรมใด ๆ ของพรรค
ตรรกะง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน การบริหารพรรคจะมีหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค การตัดสินใจไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามต้องผ่านมติของกรรมการบริหารพรรค ยิ่งมีหัวหน้าชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ด้วยแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นใดที่จะต้องไปเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เช่นนั้นแล้วกรณีนี้คงไม่สามารถที่จะปลุกกระแสเรียกความสนใจได้ หากไม่ใช่พวกขาประจำ เหมือนที่ย้ำมาตลอด คนส่วนใหญ่ได้ก้าวข้ามทักษิณไปนานแล้ว
ขณะที่วันเดียวกันกับที่อดีตนายกฯ ปรากฏกายเช็กเรตติ้ง เศรษฐา ทวีสิน เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดงานแสงสีเสียง ฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารีประจำปี 2567 ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จากนั้นลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเป็นประธานการประชุมหารือการพัฒนาโคราช ที่สำนักงานเทศบาลอำเภอปักธงชัย มีตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดเข้าร่วมการประชุม
งานนี้ นายกฯ แสดงความยินดีที่การเปิดถนนเส้นทาง M6 ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเดินทางมาจังหวัดนครราชสีมารวดเร็วและมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่า ทันรับเทศกาลสงกรานต์ ยิ่งจะสร้างความคึกคักด้านการท่องเที่ยวเข้าไปอีก พร้อมชูโคราชเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวสูง ทั้งในด้านวัฒนธรรมและสินค้าทางการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะ อาหาร และผ้าไหม ซึ่งถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์สำคัญ จึงต้องเน้นประชาสัมพันธ์ให้แพร่หลายในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ
คงคอนเซ็ปต์ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยต่อไป ทั้งที่วันรุ่งขึ้นจะต้องเดินทางเข้าสภาเพื่อรับฟังและชี้แจงญัตติซักฟอกของพวกลากตั้งตามมาตรา 153 แต่แค่เห็นการจั่วหัว หรือความเคลื่อนไหวของพวกขาประจำที่จะอภิปรายแล้ว ทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรน่าหนักใจ โดยเฉพาะประเด็นทักษิณ ไม่ว่าจะเศรษฐาหรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น การยึดหลักทำตามกระบวนการยุติธรรม มันทำให้พวกที่เอาแต่โจมตีเกิดภาวะน้ำท่วมปากในทันใด
จากความมั่นใจในการรับมือซักฟอกจากทั้งพวกลากตั้ง และฝ่ายค้านนี่เอง ที่ทำให้เศรษฐากล้าที่จะตอบคำถามต่อไปถึงการปรับ ครม.ที่นักข่าวถามอยู่เป็นประจำว่า ถามอีกตนก็ตอบอีก ตอนนี้ทุกคนยังเป็นรัฐมนตรีเหมือนเดิม และก็ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น รวมไปถึงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ยืนยันว่าตนยังนั่งควบต่อไป ไม่มีคนนอกมานั่งแทนตามที่ตกเป็นข่าว เช่นเดียวกับไทม์ไลน์ในการปรับ ครม.ที่บอกว่ายังไม่มี
ที่น่าสนใจคือ คำถามที่ว่าพอใจกับผลงานของรัฐมนตรีทุกคนใช่หรือไม่ เศรษฐาตอบประสาคนที่มั่นใจในตัวเอง ไม่พอใจทั้งของตัวเองและรัฐมนตรีทุกคน ทุกอย่างต้องทำให้ดีขึ้นได้อีก วันนี้อันนี้คือชีวิตจริง ต้องไม่พอใจในเรื่องพวกนี้ เพราะความเดือดร้อนของประชาชนยังมีอยู่แพร่หลายในทุกเรื่อง ตนพยายามทำต่อจึงได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จะได้นำไปปรับวิธีการทำงาน โดยมั่นใจว่าหากงบประมาณออกมาจะสามารถจับต้องการบริหารจัดการได้ การทำงานจะเปรี้ยงกว่าเดิม
ส่วนคำถามที่ว่าอาจจะต้องอินกระแส หรือต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้เกิดกระแสนั้น เศรษฐาย้ำว่า ไม่อยากใช้คำว่าอินกับกระแสหรืออะไร แต่คิดว่าเรื่องเสียงสะท้อนทุกด้านต้องรับฟัง จะต้องมีการปรับกลยุทธ์แน่นอน แต่ไม่ใช่ปรับกลยุทธ์เพื่อให้กระแสดีขึ้น แต่เป็นการปรับกลยุทธ์เพื่อให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และปรับกลยุทธ์เพื่อให้ความเสมอภาคเท่าเทียมดีขึ้น ซึ่งมีการปรับตลอดเวลา
ฟากรัฐบาลใจจดใจจ่อรองบประมาณมีผลบังคับใช้ ฝ่ายค้านอย่างก้าวไกลก่อนที่จะได้ใช้เวทีสภาที่ถนัดการซักฟอกรัฐบาล เซาะกร่อนความน่าเชื่อถือ พรุ่งนี้ (27 มีนาคม) ต้องลุ้นว่าที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาสั่งรับเรื่องที่ กกต.ยื่นให้ยุบพรรคไว้พิจารณาหรือไม่ หลังจากที่สัปดาห์ก่อนสั่งให้ กกต.ส่งเอกสารประกอบการร้องที่ยังไม่ชัดเจนเพิ่มเติมให้ โดยขีดเส้นไว้ 7 วัน หากรับก็แทบจะมองกันไปไกลถึงขั้นที่ว่ายุบแน่ และเวลานี้ก็มีข่าวเล็ดลอดมาแล้วว่า พรรคแกนนำฝ่ายค้านได้วางพรรคสำรองไว้แล้วชื่อว่า พรรคก้าวใหม่ ดูเหมือนจะเป็นความหวัง แต่อีกด้านมันเหมือนไม่มั่นคงยังไงชอบกล