พาราสาวะถีอรชุน
การเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวสวนยางพาราในภาคใต้ โดยจะมีการประชุมแกนนำ 16 จังหวัดที่จังหวัดตรังในวันนี้ ท่าทีของฝ่ายการเมืองอันหมายถึง สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแทรกแซงราคาให้ได้กิโลกรัมละ 60 บาท พร้อมๆ ทั้งปรามกลุ่มชาวสวนยางในทำนองว่าเมื่อรัฐบาลรับฟังแล้วก็ควรจะยุติการเคลื่อนไหว มันเป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
การเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวสวนยางพาราในภาคใต้ โดยจะมีการประชุมแกนนำ 16 จังหวัดที่จังหวัดตรังในวันนี้ ท่าทีของฝ่ายการเมืองอันหมายถึง สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแทรกแซงราคาให้ได้กิโลกรัมละ 60 บาท พร้อมๆ ทั้งปรามกลุ่มชาวสวนยางในทำนองว่าเมื่อรัฐบาลรับฟังแล้วก็ควรจะยุติการเคลื่อนไหว มันเป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่ต้องเป็นเช่นนั้นเพราะ มองว่าท่าทีของฝ่ายการเมืองที่ออกมานั้นเป็นเพียงแค่การแสดงละครเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและเห็นอกเห็นใจคนที่เคยเป็นอดีตแนวร่วมอย่างแข็งขันของม็อบกปปส. แต่ลึกๆ ลงไปการปรากฏตัวของฝ่ายการเมือง เป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การสนับสนุนแต่เป็นการแทรกแซงเพื่อให้กระบวนการเคลื่อนไหวเกิดการสะดุด
ที่สัมผัสได้คงเป็นกรณีทหารที่สุราษฎร์ธานีเรียกแกนนำชาวสวนยาง 50 คนปรับทัศนคติ พร้อมมีนักวิชาการมาให้ข้อมูลเพื่อความน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะมีแกนนำบางรายออกมาย้ำกับนักข่าวว่าจะเดินทางไปร่วมประชุมที่จังหวัดตรังอย่างแน่นอน แต่ขณะที่ให้สัมภาษณ์อยู่ก็ปรากฏว่ามีแกนนำบางรายเข้ามาก่อกวนในทำนองเห็นอกเห็นใจรัฐบาล
โดยสิ่งที่แกนนำรายนั้นบอกกับนักข่าวก็คือ การเคลื่อนไหวของแกนนำยางครั้งนี้เชื่อว่าจะต้องมีเงื่อนไข มีผลประโยชน์แอบแฝง ตอนนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่ ทำไมไม่ให้โอกาสบ้าง ตอนที่ยางกิโลกรัมละ 80 บาทก็เรียกร้องขอราคากิโลกรัมละ 100-120 บาท ก่อนที่จะบอกกับนักข่าวว่า ตนเองรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังดีและคลุกคลีมาก่อนกับวงการยางอย่างยาวนาน
อารมณ์เป็นห่วงรัฐบาลนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะผ่านการปรับทัศนคติมาแล้วหรือมีอะไรมาสะกิดหรือไม่ ตรงนี้กระมังที่ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แสดงความมั่นอกมั่นใจว่ากระแสนัดชุมนุมของแกนนำชาวสวนยางภาคใต้จุดไม่ติดแน่นอน ประกอบกับท่าทีของรัฐบาลที่แข็งกร้าวยืนกระต่ายขาเดียวไม่เจรจาจึงเป็นเรื่องที่น่าขีดเส้นใต้
การย้อนเทพเทือกของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่าจะเอาเงินที่ไหนไปอุ้มราคายางให้ได้กิโลกรัมละ 60 บาท พร้อมๆ กับการปฏิเสธที่จะคุยกับแกนนำคนสำคัญของม็อบกปปส.รวมทั้งปัดที่จะหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่เคยแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ก่อนที่จะย้อนถามอีกว่า เขาทำอะไรได้สำเร็จ ทำได้อย่างไร เอาเงินที่ไหนไปทำให้ราคายางสูงขึ้น ผมไม่แลกเปลี่ยนเพราะเป็นคนละวิธีการกัน
แต่ถึงแม้จะแสดงท่าทีแข็งกร้าวอย่างไร บิ๊กตู่ก็ยอมรับสภาพว่าอาจจะต้องมีการซื้อยางพาราเข้าสู่สต๊อกรัฐบาลเพื่อดึงราคาให้สูงขึ้น ซึ่งไม่แน่ในว่านั่นเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะปัจจุบันยางที่อยู่ในสต๊อกของรัฐบาลนั้นก็น่าจะมีมากเพียงพอ โดยที่ไม่มีการระบายออกมาแต่อย่างใด เนื่องจากการไปเซ็นสัญญาขายกับสิงคโปร์และจีนก่อนหน้านั้นก็ถูกยกเลิกสัญญาไปทั้งสองครั้ง
ทั้งที่ความจริงแล้ว เรื่องการขายให้ต่างประเทศนั้นหากถูกกดราคาก็ไม่จำเป็นต้องขาย ที่หลายคนสงสัยเป็นอย่างมาก คงเป็นเรื่องมาตรการที่จะนำยางพาราไปใช้ประโยชน์ภายในประเทศไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนน สร้างสนามกีฬา ซึ่งจะช่วยให้การระบายยางในสต๊อกได้ดีและน่าจะทำให้ราคายางในประเทศขยับตามได้ด้วย รัฐบาลคสช.มีแผนแต่ยังไม่เห็นการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม
หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะอ้างเหตุอ้างผลต่างๆ สารพัดได้ แต่ในยุคของรัฐบาลคสช.ที่ถืออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะอ้างข้อติดขัดใดๆ คงไม่ถูก นี่ต่างหากที่ทำให้เกิดข้อสงสัยกันว่า ปัญหาที่มันเกิดแท้จริงแล้วเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ราคาน้ำมันตกต่ำทำให้ราคายางขยับขึ้นไม่ได้ รัฐบาลไม่มีปัญญาหาเงิน หรือแท้จริงผู้ที่บริหารจัดการไม่มีฝีมือกันแน่
ขณะที่ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ผู้นำรัฐบาลปฏิเสธที่จะพูดคุยหรือรับข้อเสนอใดๆ อีกด้าน พุทธะอิสระกลับนำรายชื่อคน 3 แสนรายไปยื่นให้บิ๊กตู่พิจารณาไม่เสนอรายชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ขึ้นเป็นพระสังฆราชองค์ที่ 20 โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะเป็นพระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ใช้ข้ออ้างอย่างนี้คงต้องบอกว่า “บ้องตื้น” เป็นอย่างยิ่ง เพราะหากมีใครถามว่าแล้วพระอุปัชฌาย์ของพุทธะอิสระปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง เนื่องจากปล่อยให้คนที่บวชให้ออกมาเคลื่อนไหวในสิ่งที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์จะว่าอย่างไร ประเด็นนี้หากบิ๊กตู่ไม่พิจารณาให้รอบคอบจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นอาจเกิดสงครามกลางเมืองเพราะความแตกแยกในพุทธศาสนา
ถามว่าธรรมยุตกับมหานิกายมีปัญหากันหรือไม่ พระส่วนใหญ่ของทั้ง 2 นิกายไม่เคยมีอะไรที่ต้องบาดหมาง ต่างฝ่ายต่างปฏิบัติหน้าที่เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ดำรงสืบไป แต่พุทธะอิสระกลับออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะเสี้ยมเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งก็น่าแปลกใจที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมของพระรูปนี้
หรือเป็นอย่างที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้ พุทธะอิสระคือพระอาจารย์ผู้นำทางจิตวิญญาณของบิ๊กตู่และคสช.ทั้งคณะ เนื่องจากมีภาพยืนยันการหมอบกราบใกล้ชิดทั้งพี่ใหญ่จนไปถึงน้องเล็กแห่งบูรพาพยัคฆ์ นี่ต่างหากคือสิ่งที่เป็นบทพิสูจน์คำพูดของท่านผู้นำว่าจะทำให้เกิดความเท่าเทียมกันของทุกคนทุกฝ่าย ทำได้จริงอย่างที่พ่นน้ำลายไว้หรือไม่
ยิ่งล่าสุดหัวหน้าคสช.บอกว่า “ให้ไปแก้กันให้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็เสนอชื่อให้ไม่ได้” ถามว่าจะให้ไปแก้กันเรื่องอะไร เพราะพุทธอิสระไม่ใช่ตัวแทนของพระสงฆ์ทั้งประเทศ และพระสงฆ์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีใครออกมาเคลื่อนไหวหรือสงสัยในกระบวนการแต่งตั้ง เพราะทั้งหมดต้องยึดตามตัวบทกฎหมายโดยเคร่งครัด เว้นเสียแต่ว่า จะมีพวกหาเหตุก่อกวนปั่นป่วนเพื่อให้ได้อย่างที่ตัวเองและพรรคพวกต้องการ แทนที่จะรีบพูดแบบแสดงอำนาจบาตรใหญ่ท่านผู้นำน่าจะใช้สมองไตร่ตรองให้เกิดปัญญาว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไรกันแน่