ทรงอย่างแบด
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยสร้างความอึดอัดใจอย่างแรงให้กับนักลงทุนอย่างแรง จนนักลงทุนรายย่อยทยอยถอนตัว และหยุดเล่น
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยสร้างความอึดอัดใจอย่างแรงให้กับนักลงทุนอย่างแรง จนนักลงทุนรายย่อยทยอยถอนตัว และหยุดเล่น เพราะเข้าหุ้นตัวไหน ก็โดนทุบทุกที จนนักเล่นรู้สึกหมดความมั่นใจลงเรื่อย ๆ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่บีบคั้นหัวใจอย่างแรง ซึ่งจะส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และถ้าดูจากจุดคุ้มทุนของโบรกเกอร์ต่าง ๆ ต้องมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันต้องไม่ต่ำกว่าระดับ 3.50 หมื่นล้านแบบนี้..เหงื่อตกกันเป็นแถวแน่นอนเจ้าค่ะ
เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายต่อวันในช่วงหลัง ๆ อยู่ในระดับ 4 หมื่นล้านเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตัวเลขระดับนี้อาจทำให้โบรกฯ ขนาดกลางและขนาดเล็กอยู่ลำบาก ผนวกกับตลาดหุ้นไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้น จึงเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนสถาบันเลือกใช้วิธีตลบหลังขายหุ้นออกมาเมื่อตลาดยกตัวสูงขึ้น “โมนิก้า” ถึงรู้สึกแหยง ๆ เมื่อเห็นดัชนีเริ่มทะยานขึ้นรอบใหม่ พร้อมกับพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าว่า ผ่าน 1,400 จุดแน่นอนไงล่ะคะ
น่าเสียดายตรงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดันกลายเป็นเรื่องตรงข้ามกับสิ่งที่คิด เพราะดัชนีแกว่งตัวไปมาในกรอบ 1,350-1,400 จุดเป็นเวลา 2 เดือนครึ่งเข้าไปแล้ว ซึ่งประเด็นหลักที่นำมาเล่นก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นรับงานใหม่ มีพาร์ตเนอร์ใหม่ และกำไรโต หรือแม้กระทั่งราคาคริปโตพุ่ง ราคาน้ำมันพุ่ง ล้วนเป็นแค่ตัวบิ้วอารมณ์ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่หลังจากนั้นก็จางหายไปเงียบ ๆ นะจะบอกให้
ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมา ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,377.23 จุด บวกไป 4.74 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.10 หมื่นล้านบาท จึงเป็นพล็อตเรื่องเดิม ๆ ที่เคยเห็น แต่ต่างกันตรงหุ้นที่นำตลาดขึ้นจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยบางครั้งก็อาจเป็นแบงก์ หรือบางครั้งก็เป็นพลังงาน และในบางทีก็มีไฟแนนซ์ขึ้นมาแซม ๆ รวมทั้งสื่อสารก็มีให้เห็นเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยทรงอย่างแบดทั้งนั้น..อิอิอิ
โดยเฉพาะในรายของ JTS ที่เล่นตามกระแสคริปโตขาขึ้นเป็นรอบ ๆ แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นว่า ไซเคิลของหุ้นอยู่ในรูปไซด์เวย์ดาวน์เสียอย่างนั้น “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 62.25 บาท บวกไป 5.25 บาท หรือขึ้นไป 9.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 216 ล้านบาทจะเป็นเกมยาว เพราะเที่ยวก่อนลงมาแตะ 70 บาทแล้วเด้งกลับไป 80 บาททันที! พอหลังจากนั้นก็ไหลลงมาเรื่อย ๆ จนมาทำโลว์แถว ๆ 55 บาทน่ะซี
อีกตัวที่ต้องลุ้นกันตลอดเวลา “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น AAV ซึ่งมีลักษณะลากขึ้นแบบสุดซอย ก่อนจะปล่อยหุ้นให้ซึมลงเรื่อย ๆ ก่อนจะดันหุ้นราคาขึ้นใหม่อีกครั้งแบบนี้ มันเป็นเกมของการเล่นสั้นมากกว่าถือยาว เพราะราคาหุ้นสวิงแรงเกินไป เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า การย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 2.38 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97 ล้านบาท จะเป็นการลงมาตั้งหลักที่ฐานเก่า 2.20 บาท ก่อนจะดันหุ้นขึ้นใหม่อ๊ะป่าว?
เช่นเดียวกับการทรุดตัวของหุ้น CREDIT ทั้งที่หลายคนออกปากเชียร์เป็นระลอก แต่ราคาหุ้นก็ขานรับแค่แป๊บเดียว ก่อนจะม้วนหางลงมาใหม่ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่อึดอัดใจอย่างแน่นอน เพราะนักเล่นไม่อินกับตัวธุรกิจสักเท่าไหร่? แถมวอลุ่มการซื้อขายก็แห้งลงเรื่อย ๆ จนวานนี้เห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 26 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24 ล้านบาท พร้อมกับทำออลไทม์โลว์แบบนี้..น่าผิดหวังนะตัวเอง
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นหม้อแปลงไฟฟ้า TRT ก็เกิดอาการขาแข้งอ่อนแรงกะทันหัน ทั้งที่วันก่อนเพิ่งโชว์สกิลเทพขึ้นแบบชนซิลลิ่งแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ดุดันเกินไปสำหรับขาจร แต่ขาประจำอาจไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะเกมนี้เป็นการวัดดวงขนานแท้ จึงต้องทำใจเมื่อราคาหุ้นย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 3.86 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85 ล้านบาทไงล่ะคะ
ในเมื่ออยากเสี่ยงกันทั้งที่ “โมนิก้า” ก็ต้องเอ่ยถึงหุ้นคริปโตตัวพ่อ BROOK เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ0.62 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 88 ล้านบาท คงเหมือนกับเที่ยวก่อนที่ดันขึ้นไปถึงระดับ 0.68 บาท ต่อจากนั้นก็ปล่อยให้ร่วงลงมาแถว 0.55 บาท ก่อนจะดันกลับขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อนแบบนี้..เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องตระหนักไว้บ้างนะจ๊ะ