พาราสาวะถี
อดใจรอต่อไปอีก 2 สัปดาห์ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่
อดใจรอต่อไปอีก 2 สัปดาห์ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ประชุมกันไปเมื่อวานที่ผ่านมา และนัดครั้งหน้า 10 เมษายน โดย เศรษฐา ทวีสิน ยืนยันในการประชุมครั้งต่อไปจะได้ข้อสรุปทั้งหมด และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนเมษายน ทำให้ไทม์ไลน์ของโครงการนี้ในไตรมาสที่ 3 จะเปิดให้ร้านค้าและประชาชนได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
จะมีการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลของประชาชนภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ความคืบหน้าที่น่าสนใจจากการประชุมหนล่าสุดจากที่เศรษฐาให้สัมภาษณ์ก็คือ การประชุมใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกภาคส่วนเห็นด้วยหมด ไม่ว่าจะเป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นด้วยในขั้นตอนทั้งหมด ดังนั้น ให้รอฟังข่าวดีในวันที่ 10 เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ในรายของ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาตินั้น ต้องรอยืนยันจากเจ้าตัวว่าเห็นด้วยจริงหรือไม่
เพราะการประชุมหนนี้ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากติดภารกิจไปต่างประเทศ จึงส่ง รณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเข้าร่วมประชุมแทน ทำให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลังบอกกับนักข่าวหลังการประชุมเมื่อถูกถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า หลังจากนี้ผู้ว่าฯ ธปท.จะไม่เห็นต่างอีก เพราะไม่ได้เข้าประชุมว่า ความมั่นใจในเรื่องคนอื่นตนคงตอบไม่ได้ อย่าถามเรื่องคนอื่น ตนตอบไม่ได้ ที่แน่ ๆ คือ เดินหน้า เพราะรับฟังความคิดเห็นทุกคน ทุกฝ่าย ไม่ปัดความเห็นใด ๆ และที่ประชุมครั้งนี้ก็มีความชัดเจน “เราจะเดินหน้า”
จึงทำให้มีคำถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการจะเป็นการกู้เงินด้วยการออก พ.ร.บ.ทั้งหมด 5 แสนล้านบาทหรือไม่ เรื่องนี้ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณกลับไปพิจารณา ซึ่ง ลวรณ แสงสนิท ปลัดคลังก็ย้ำว่า ยังเป็นการบ้านอยู่ เช่นเดียวกับประเด็นที่ว่าการจ่ายเงินจะเป็นก้อนเดียว ครั้งเดียว 1 หมื่นบาทหรือไม่ จุลพันธ์ก็ย้ำว่า ให้รอฟังในวันที่ 10 เมษายนนี้ในคราวเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับกันว่า การดึงเวลาให้ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ นั่นย่อมเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐาและรัฐบาล รับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน เสียงวิจารณ์ย่อมเบาบางลง โดยที่ปลัดคลังได้ย้ำว่า มีพัฒนาการมาตลอดในโครงการนี้ แต่มันอาจไม่เร็วทันใจ เพราะรับฟังข้อคิดเห็น ข้อท้วงติง ข้อแนะนำ นำไปปรับตลอดเวลา ทำให้เชื่อว่า วันนี้สิ่งที่ออกมาจะเป็นโครงการที่สมบูรณ์ ตอบโจทย์ข้อกังวลของทุกภาคส่วน สัญญาณการเดินหน้าแน่ จับได้จากคำสัมภาษณ์ที่สอดคล้องกันของรัฐมนตรีช่วยและปลัดคลังที่ว่า การเลือกประกาศความชัดเจนในวันดังกล่าวนั้น เพื่อให้ประชาชนไปเที่ยวสงกรานต์อย่างมีความสุข
ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจใด ๆ เหมือนที่ได้บอกมาตลอด อย่างไรเสียโครงการนี้ต้องเดินหน้าแน่ ไม่ใช่เพราะเป็นนโยบายหลักของเพื่อไทยที่ต้องทำให้ได้ไม่งั้นเสียหน้า แต่พลังของกลุ่มอีลิทซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ามีอำนาจขนาดไหน ต่างให้การสนับสนุนแนวทางการดำเนินการดังกล่าว นอกจากนั้น ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า หนึ่งองค์กรที่ถูกพวกลากตั้งโจมตีว่าไม่ยอมขวางดิจิทัลวอลเล็ตคือ กกต. จน อิทธิพร บุญประคอง ต้องชี้แจงให้เกิดความกระจ่าง
หน้าที่ของพรรคการเมืองคือการกำหนดนโยบายที่จะใช้ในการโฆษณา โดยพรรคการเมืองคำนึงถึงความเห็นของตัวแทนพรรคการเมือง นโยบายใดที่จะต้องใช้เงินต้องมีรายการค่าใช้จ่าย วงเงิน ประโยชน์ ความคุ้มค่า ความเสี่ยง ผลกระทบ หากส่งข้อมูลไม่ครบตามรายการเหล่านี้ กกต.มีหน้าที่บอกให้ส่งให้ครบได้ แต่กฎหมายไม่ได้บอกว่าให้ กกต.มีอำนาจในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ คงไม่ต่างจากการปล่อยข่าวเรื่องล้มร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพื่อหวังให้เศรษฐาและรัฐบาลมีอันเป็นไป
ล้วนแต่เป็นวิธีของพวกสุดโต่งที่ยังคงดักดานกับความเชื่อที่ว่า จะสามารถล้มรัฐบาลที่ไม่ใช่ขั้วของอนุรักษนิยมได้ ทั้งที่สถานการณ์ในปัจจุบันไปไกลมากแล้ว ไม่ต่างจากปมที่ว่าด้วยเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่ ซึ่งเศรษฐาบอกกับนักข่าวล่าสุดไม่ได้ใช้คำนี้ แต่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีปัญหา มีความจำเป็นต้องมีการกระตุ้น เนื่องจากมีการเติบโตของจีดีพีต่ำตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการเจริญเติบโตสูงกว่าไทยเป็นเท่าตัว
ข้อเท็จจริงเหล่านี้มีตัวเลขเก็บเป็นสถิติ ซึ่งโกหก ปกปิดกันไม่ได้ มันจึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องศึกษา และนำมาถกเถียงตามแนวทางที่เศรษฐาย้ำนับตั้งแต่รับตำแหน่งว่า เรื่องใดที่เข้าใจไม่ตรงกันก็ต้องแลกเปลี่ยน พูดคุยกันเพื่อให้ได้ความเห็นที่ตรงกัน หรือใกล้เคียงกันมากที่สุด โครงการดิจิทัลวอลเล็ตน่าจะเป็นบทพิสูจน์ทฤษฎีเปิดใจเพื่อรับฟังของผู้นำประเทศว่าได้ผล ขณะที่ท่วงท่าทางการเมืองของเศรษฐาก็ถูกมองว่าพัฒนา และมีชั้นเชิงมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ปัญหาศึกสองบิ๊กวงการตำรวจ การแฉลากไส้กันไปมาทำท่าว่าจะไม่จบง่าย ๆ ปลายทางคงไปจบที่กระบวนการยุติธรรม เห็นสภาพแล้วไม่รู้ว่าเศรษฐาจะกอบกู้ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กลับมามีศักดิ์ศรี ดูสง่างามได้อย่างไร มองจากรูปการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นแนวโน้มว่าท้ายที่สุด “บิ๊กต่อ” พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล อาจไม่ได้กลับมาเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง ผบ.ตร. ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ก็คงไม่ได้กลับมานั่งเก้าอี้รอง ผบ.ตร. และหมดลุ้นชิงตั๋วผู้นำสีกากีไปอีกปี
แต่ด้วยอายุราชการที่ยังเหลืออีก 7 ปี ถ้าผลจากคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นต้องหลุดวงโคจร ก็ต้องยอมรับสภาพ ปล่อยให้ตาอยู่คว้าเก้าอี้ที่สำคัญไปครองก่อน คู่มือประกอบการตัดสินใจที่สำคัญต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นสำหรับเศรษฐาคือ ผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการทั้ง 3 คนที่ตั้งขึ้น เบื้องต้นหลังครบกรอบเวลา 60 วันอาจจะมีการยืดเวลาออกไปตามสูตร แต่สุดท้ายจะมีความกระจ่าง เพราะงานนี้เป็นที่รู้กันว่าข้อมูลทางลับ และสัญญาณที่เศรษฐาได้รับมานั้นไม่ธรรมดา ทำให้กล้าที่จะลงดาบจัดการด้วยความเด็ดขาด