เล่นนอกเกม?

ก่อนอื่น “โมนิก้า” ขอเป็นกำลังใจให้กับฟุตบอลทีมชาติไทยที่พยายามสู้กับเกาหลีใต้อย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัยในบ้านให้กับทีมพลังโสม


ก่อนอื่น “โมนิก้า” ขอเป็นกำลังใจให้กับฟุตบอลทีมชาติไทยที่พยายามสู้กับเกาหลีใต้อย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัยในบ้านให้กับทีมพลังโสมแบบขาดลอย ทั้งที่แมทช์แรกในแดนกิมจิสามารถทวงคืนประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนจะจบเกมด้วยการเจ๊ากันไปแบบได้ใจคนทั้งประเทศนั้น เดี๊ยนมองเป็นเรื่องของลูกกลม ๆ ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และหวังว่า พัฒนาการของทีมชาติไทยจะดีขึ้นเป็นลำดับนะคะ

ถึงกระนั้นก็มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นกับการแข่งขันฟุตบอลเมื่อวันก่อน เพราะดันมีลูกดาราชื่อดังเป็นคนเดินจูงมือนักฟุตบอลดาวดังอย่าง “ซน ฮึง มิน” ลงสนาม ซึ่งสร้างความคับข้องใจให้กับแฟนบอลส่วนหนึ่ง เพราะเหมือนเป็นการให้อภิสิทธิ์กับคนบางคนมากเกินไป พร้อมกับยกเหตุผลมาอธิบายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นควรให้เด็กพิการบ้าง และเด็กฝึกหัดจากสโมสรฟุตบอลก็มีค่อนเข้างเยอะเจ้าค่ะ

ที่น่าสนใจคือ แฟนบอลส่วนใหญ่มีมุมมองไปในทางเดียวกันว่า ไม่ควรเป็นลูกดาราที่ได้รับสิทธิ์แบบนี้! เพราะเด็กที่เดินในเส้นทางนักฟุตบอลจริง ๆ จะได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ในการรับใช้ชาติ และมีบางคนถามถึงเกณฑ์ตัดสินใช้อะไรเพื่อเลือกเด็กจูงมือลงสนาม? ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลสะเทือนโดยตรงกับแก๊งเชื่อแป้ง เพราะผู้คนมากมายเชื่อว่า เป็นการล็อกตัวไว้ล่วงหน้า!..ส่วนเรื่องจริง ๆ จะเป็นเช่นไร รอฟังสมาคมฟุตบอลพูดดีกว่า..เดี๊ยนไม่อยากเผือก..อิอิอิ

เม้าท์ถึงประเด็นลับ ๆ ล่อ ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงราคาหุ้น KAMART ที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่เปิดเทรด จนขึ้นไปถึงระดับ 16.90 บาท เขาว่ากันว่า เกิดจากนำสไลด์ที่ผู้บริหารนำออกมาโชว์นักวิเคราะห์ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับกำไรปีนี้จะเป็นเท่าไหร่?  และกำไรปีหน้าจะโตเท่าไหร่? ส่งผลให้นกรู้กระโจนใส่มือเป็นระวิงนั้น เดี๊ยนงงเหลือเกินว่า เรื่องแบบนี้ทำได้เหรอ?

เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันเป็นอย่างดีว่า ผู้บริหารไม่มีสิทธิ์พูดถึงตัวเลขกำไร เพราะเป็นการชี้นำราคาหุ้นมากเกินไป และมีสิทธิ์ถูก ก.ล.ต. ฟันไม่เลี้ยงแบบนี้ คุณพี่ย่ามใจเกินไปหรือเปล่า? “โมนิก้า” ในฐานะคนที่รับข่าวมาอีกทีก็ได้แต่หวังว่า คงไม่จริง! หลังโลกโซเชียลส่งรูปดังกล่าวให้ว่อนไปหมด และถ้าไม่ลำบากมากเกินไปอยากให้ เสี่ย.ช ผู้รู้ไปหมดทุกเรื่อง ช่วยตามเรื่องนี้ให้หน่อย เพราะได้ยินว่า ชอบเรียกร้องความโปร่งใสจากผู้บริหารไม่ใช่เหรอจ๊ะ

ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” เลยไม่กล้าฟันธงว่า การขึ้นแรงแล้วย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 15.90 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 7.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 667 ล้านบาท มาจากปัจจัยพื้นฐาน? เพราะเที่ยวก่อนเพิ่งมีข่าวลือเกี่ยวกับไตรมาส 1 ไม่ดีออกมาหยก ๆ เดี๊ยนเลยรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมด รวมทั้งมีประเด็นเกี่ยวกับการชอบเคาะกะลาเรียก..เป็นประจำ จึงทำให้หุ้นตัวนี้ถูกจับตาจากทางการมากเป็นพิเศษนะจะบอกให้

ไหน ๆ เม้าท์ถึงเรื่องร้อน ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงดีลแปลก ๆ ที่รายย่อยส่งข้อมูลมาให้ดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ดันไปเกี่ยวพันกับหุ้น DCON ซึ่งประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน (Voluntary Partial Tender) กับหุ้น PRIN ที่ราคา 3 บาท ในวันที่ 19 ก.พ. 67 (มติกรรมการ) แต่ดันมีประเด็นที่เป็นข้อสังเกตว่า ไหน ๆ ก็จะซื้อหุ้นบางส่วนกันทั้งที..ทำไมก่อนหน้าถึงมีการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่ถึง 3 ครั้งด้วยล่ะคะ

นอกจากนี้ยังมีคนอยากรู้ว่า ทำไมต้องซื้อหุ้น PRIN ทั้งที่มีอสังหาฯ รายอื่นที่มีผลงานดีกว่า และอาจมีราคาถูกกว่า  หรือแม้กระทั่งทำไมไม่ซื้อในกระดาน เพื่อทำให้รายย่อยที่ถือหุ้นได้ตัดสินใจถูกว่า “อยากไปต่อ” หรือ “หยุดแค่นี้” ก่อนจะตบท้ายด้วยว่า การเดินมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ในฐานะคนกลางที่รับเป็นกระบอกเสียง จึงอยากให้แต่ละฝั่งออกมาเคลียร์ให้ชัด เพื่อทุกฝ่ายจะได้สบายใจกันหมดพะย่ะค่ะ

ที่สำคัญคือ DCON ประกาศเงื่อนไขชัดเจนว่า 1) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ PRIN มีมติอนุมัติผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง 2) ก.ล.ต. อนุมัติคําขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของบริษัท และ 3) บริษัทได้รับอนุมัติวงเงินจากสถาบันการเงินสำหรับซื้อหุ้นเต็มจํานวน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารยังปฏิบัติตามกฎระเบียบทุกอย่าง..ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่า ดีลไม่ดันนะตัวเอง

Back to top button