ยังมีหวังไหม?

ก่อนอื่นต้องบอกกันตามตรงว่า มูลค่าการซื้อขายที่เริ่มเหือดแห้งอีกครั้ง มันคือภาพสะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ


ก่อนอื่นต้องบอกกันตามตรงว่า มูลค่าการซื้อขายที่เริ่มเหือดแห้งอีกครั้ง มันคือภาพสะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ และยังทำให้โบรกเกอร์ตกอยู่ในภาวะหากินลำบากแบบนี้ “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะว่า ยังมีหวังเห็นตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักไหม? เพราะสิ่งที่รัฐบาล “เสี่ยนิด” ภายใต้เงา “โทนี” กำลังพยายามผลักดัน มันไม่มีอะไรที่ใหม่ และเป็นน้ำเป็นเนื้อเลยสักอย่างเจ้าค่ะ

โดยเฉพาะเรื่อง “เงินดิจิทัล” กับการ “จัดคอนเสิร์ต” มันทำให้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสะพัดจริงเหรอ? รวมทั้งการขยายเวลาเทรดในช่วงที่ผ่านมา มันเป็นการเพิ่มภาระให้กับบุคลากรตลาดหุ้นโดยไม่จำเป็น พวกพรี่..พรี่ ทำเพื่อพระแสงอะไรมิทราบ! และดูเหมือนผู้คนในตลาดหุ้นจะผิดหวังกับทีมเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเอาเข้าจริง ๆ ก็เหมือนไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมสักอย่างน่ะซี

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” มองการขยับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,377.94 จุด บวกไป 7.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.64 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการรีบาวด์เพื่อลงต่อมากกว่า เพราะเมื่อเจาะไส้ในของบรรยากาศการลงทุนจะเห็นว่า โรบอทก็ยังเป็นที่คาใจรายย่อย และการลดดอกเบี้ยก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอต่อไป ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ก็ยังไม่รู้จะออกมาดีไหม? นะตัวเอง

จากประเด็นดังกล่าวทำให้แมงเม่าบางรายสงสัยว่า การขึ้นของ DELTA ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 74.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.11 พันล้านบาท เป็นการกลับทิศอย่างถาวรแล้วใช่ไหม? เพราะที่ผ่านมามักขึ้นแรง ต่อจากนั้นซึมลงทุกที “โมนิก้า” จึงไม่ขอฟันธงว่า หุ้นจะเป็นอย่างไรต่อ เพราะสิ่งที่พูดได้เต็มปากคือ บาทอ่อนสุด ๆ น่าจะเป็นผลดีกับหุ้นที่ทำส่งออกนะจ๊ะ

อีกรายที่เด้งกลับขึ้นมาใหม่อย่าง OR ก็มีประเด็นให้ชวนสงสัยมากเหมือนกัน เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 17.90 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 459 ล้านบาท อาจเป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่เมื่อดูจากการเคลื่อนตัวของราคาหุ้นที่ชยับขึ้นลงในกรอบแคบ ๆ “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า เที่ยวนี้จะต่างจากเที่ยวก่อนที่ขึ้นแล้วลงหรือเปล่า? เพราะถ้าดูตามเนื้อผ้าที่เกิดขึ้นเวลานี้..มันพูดยากที่หุ้นจะไปต่อสวย ๆ น่ะซี

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากจะเอ่ยถึงหุ้น MTC เพื่อบอกให้นักเล่นรู้ว่า เที่ยวก่อนก็จบรอบตรงบริเวณ 48 บาท แต่รอบนี้อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เพราะโบรกฯ ใหญ่ ๆ หันมาแนะนำให้นักเล่นลุยหุ้นลีสซิ่ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 47.25 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 382 ล้านบาท จึงกลายเป็นช็อตที่มีลุ้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น..อิอิอิ

ส่วนตัวแรงที่หลายคนคาดหวังจะได้รับผลดีจากการที่ กบน.อนุมัติให้ปรับเพดานน้ำมันดีเซลเกิน 30 บาท คงต้องมองไปที่หุ้น PTG แบบไม่กระพริบตา เพราะทันทีที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกมา ก็มีแรงซื้อไหลเข้ามาตลอดทั้งวัน จนดันราคาหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 8.90 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาทแบบนี้..สงสัยจะเล่นกันอีกนาน เพราะเขาคาดเดากันว่า เที่ยวนี้ราคาน้ำมันดีเซลจะไป 32 บาทเชียวนา!..ฟังแล้วขนลุกซู่เลย!

ไหน ๆ ก็มาเม้าท์ถึงหุ้นตัวแรงกันทั้งที “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึง JCK กันสักหน่อย เพราะการทะยานของหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.32 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 33.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42 ล้านบาท มันเป็นการเด้งรับข่าวดีวันเดียวหรือเปล่า? เพราะการที่ศาลอนุญาตให้สร้างคอนโดที่ซอยมหาดเล็กหลวงอีกครั้ง มันส่งผลดีในทางจิตวิทยาเต็ม ๆ แต่ในทางปฏิบัติต้องดูกันต่อนะออเจ้า

ตบท้ายกันด้วยเรื่องอลเวงที่เกิดขึ้นกับหุ้น NUSA กันดีกว่า เพราะการตั้งประธานบอร์ด 2 คนที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ น่าทำให้ ก.ล.ต. ถึงกับมีอาการควันออกหู จึงสั่งให้บริษัทชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในวันที่ 5 เม.ย. ขณะเดียวกันก็มีการฟ้องร้องนัวเนียระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นฝั่ง  “เฮีย.ป” กับ “เจ๊.ม” แบบนี้ “โมนิก้า” รับรองว่า สนุกอย่างแน่นอน เพราะแต่ละฝั่งก็เป็นเสือซ่อนเล็บไงล่ะคะ

Back to top button