SPA เร่งขยายธุรกิจ ขยับชั้นขึ้น SET
หนึ่งในหุ้นที่บริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์แนะนำให้ “ซื้อ” อย่างต่อเนื่อง คือ SPA เพราะได้รับอานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
เส้นทางนักลงทุน
หนึ่งในหุ้นที่บริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์แนะนำให้ “ซื้อ” อย่างต่อเนื่อง คือ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เพราะได้รับอานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
หากเทียบเคียงกับยอดขายในปี 2566 ที่ผ่านมา SPA มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวมีสัดส่วนถึง 60% ของยอดขายทั้งหมด โดยแบรนด์ Let’s Relax ยังคงเป็นแบรนด์ในดวงใจของลูกค้า สร้างยอดขายคิดเป็น 90% ของยอดขายรวม
สำหรับ SPA แล้ว ปี 2567 นี้ น่าจะเป็นปีแห่งการขยายกิจการ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% มาที่ 1.7 พันล้านบาท ในขณะเดียวกันก็วางแผนที่จะขยับขยายย้ายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลางปีนี้ หลังจากอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มานาน 10 ปี
SPA เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาด mai เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2557 ด้วยราคา IPO ที่ 1.70 บาท ราคาพาร์ 0.25 บาท ถึงวันนี้ (1 เม.ย. 2567) ราคาหุ้นอยู่ที่เกือบ 13 บาท ดันมาร์เก็ตแคปพุ่งมาที่ 1.1 หมื่นล้านบาท
กลยุทธ์การเติบโตของ SPA จะมาจากทั้งสาขาเก่า และการเปิดสาขาใหม่ โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดมากถึง 10 สาขาใหม่ เช่น Let’s Relax บางนา, Let’s Relax เจริญนคร, Let’s Relax สุขุมวิท 14, Let’s Relax เจริญกรุง และ Stretch me Clinic บางนา แต่ละทำเลอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว ภายใต้งบลงทุนรวม 300 ล้านบาท สาขาใหม่จะเริ่มขยายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้เป็นต้นไป ตลอดจนจะเปิดศูนย์ฝึกอบรมการนวดเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
อานิสงส์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ผู้บริหารมั่นใจว่าสาขาเดิมจะมีศักยภาพเติบโตได้ 10% ส่วนสาขาใหม่จะเข้ามาเสริมการเติบโตได้อีก 5% หากไม่มีอะไรผิดไปจากแผน SPA มีแผนจะเปิดสาขา ณ สิ้นปีนี้ราว 81 สาขา จากปัจจุบันมี 71 สาขา
SPA มีรายได้ 60% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในขณะที่อีก 40% มาจากลูกค้าชาวไทย โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก คิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้จากนักท่องเที่ยว และกำลังไต่ระดับฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับที่เคยสูงถึง 55% ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ตลาดนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ก็กำลังเติบโต เช่น เกาหลีใต้ ยุโรป และตะวันออกกลาง
หากนักท่องเที่ยวต่างชาติยังปักหมุดหมายปลายทางที่ประเทศไทย SPA น่าจะเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 นี้ และกำไรน่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ในช่วงระหว่างวันที่ 4-10 มีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 698,675 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 99,811 คน ในตัวเลขดังกล่าวมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 123,550 คน นักท่องเที่ยวรัสเซีย 47,465 คน นักท่องเที่ยวอินเดีย 36,654 คน
มีการประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ยต่อวันจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2567 จะอยู่ที่ระดับ 1.1-1.2 แสนคนต่อสัปดาห์ เพราะยังอยู่ในช่วงไฮซีซั่น (High season) ของไทย และจะเริ่มกลับมาเร่งตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงสงกรานต์เดือนเมษายน เนื่องจากจะมีการจัดงาน “มหาสงกรานต์ 2567″ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายนนี้ จะสร้างรายได้รวมประมาณ 24,420 ล้านบาท
ขณะที่ คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย 510,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 8,760 ล้านบาท เติบโต 49% จากปี 2566 และมองภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2567 ยังอยู่ในกรอบประมาณการของจำนวนนักท่องเที่ยวรวม และนักท่องเที่ยวจีนตามที่เคยคาดการณ์ไว้ คือเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 33 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจีน เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 5.5 ล้านคน
ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ปรับประมาณการกำไรปี 2567 ขึ้นเป็น 344 ล้านบาท มองความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นจะเพิ่มหลังการปรับเงื่อนไขสัญญาเช่าในช่วงปี 2566 และปรับลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลงเป็น 8.9% จากเดิม 9.0% ผลบวกจากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เฉพาะในไตรมาส 1 นี้ ยอดขายน่าจะดีเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี มองการย้ายไป SET จะช่วยสร้างภาวะบวกกับ SPA เนื่องจากกำไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 1 นี้ จะเติบโตทั้งจากงวดเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน จากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายสาขาเชิงกลยุทธ์
ราคาหุ้นในปัจจุบันคิดเป็น P/E ปี 2567 ที่ 34 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในขณะที่กำไรสุทธิจะโตถึง 25% จากปีก่อน และทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ระบุว่า รายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันเชิงบวกสำหรับการเติบโตของรายได้หลักในไตรมาส 1 นี้
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดแนะนำ “ซื้อ” โดยโบรกเกอร์ 3 รายดังกล่าว ให้ราคาเป้าหมายปีนี้ตั้งแต่ 14.50-15.20 บาทต่อหุ้น
SPA ยังคงได้รับอานิสงส์อย่างต่อเนื่อง หากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเพิ่มมากขึ้นเช่นนี้ต่อไป