THANI เข้มคุมคุณภาพสินทรัพย์

THANI พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 1.รถบรรทุกใหม่ 49.7% 2.รถบรรทุกมือสอง 21.3% 3.รถยนต์หรู (Super car, Hi-end car) 22%


คุณค่าบริษัท

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 1.รถบรรทุกใหม่ 49.7% 2.รถบรรทุกมือสอง 21.3% 3.รถยนต์หรู (Super car, Hi-end car) 22% 4.รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ 2% 5.รถแท็กซี่ 1% 6.รถอื่น ๆ (รถยนต์, รถ pick-up, รถบัส, รถแทรกเตอร์) 4% โครงสร้างรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 1.รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ 78.7% 2.รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 9.54% 3.รายได้อื่น ๆ 10.67% 4.รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเงินให้กู้ 1.09%

THANI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 มีกำไรสุทธิ 161.21 ล้านบาท ลดลง 54.30% จากไตรมาส 4/2565 และลดลง 35.62% จากไตรมาส 3/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 250.41 ล้านบาท กำไรไตรมาส 4 ต่ำกว่าประมาณการของบล.กสิกรไทย 33% กำไรปกติที่อ่อนแอมาจากคุณภาพสินทรัพย์ทีอ่อนแอกว่าคาด ซึ่งอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) เพิ่มขึ้น 0.46% จากไตรมาส 3/2566 จาก 2.7% มาที่ 3.2% ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) เพิ่มขึ้น 0.36% จากไตรมาส 3/2566 จาก 2.5% มาที่ 2.8% กำไรปกติทั้งปี 2566 ต่ำกว่าประมาณการก่อนการทบทวนของบล.กสิกรไทยอยู่ 15% ซึ่งแสดงให้เห็นถึง downside risk ต่อการคาดการณ์

ในบรรดาบริษัทคู่แข่ง THANI ถือว่าเป็นบริษัทในเชิงอนุรักษนิยมมากที่สุด ในแง่การเติบโตของสินเชื่อก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ THANI กลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในการจัดการสถานการณ์คุณภาพสินทรัพย์จนถึงปัจจุบัน แต่ NPL ratio ไตรมาส 4/2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาที่ 3.2% และ ASK ยังรายงาน NPL ratio ไตรมาส 4/2566 ที่ 4.7% (เพิ่มขึ้น 0.56% จากไตรมาส 3/2566) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัญหาในกลุ่มธุรกิจนี้แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้บล.กสิกรไทยเกิดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 แต่คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์จะปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังจากการที่ปรากฏการณ์เอลนีโญเปลี่ยนเป็นปรากฏการณ์ลานีญา และการอนุมัติงบประมาณการคลังของรัฐบาลในเดือน พ.ค. ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการก่อสร้าง

THANI ตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2567 ตํ่ากว่า 2.46 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งสะท้อนถึงนโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นและความต้องการรถบรรทุกที่ชะลอตัวลง ดังนั้น บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จึงปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ลดลงจากประมาณการเดิมที่ -4% มาเป็น -8% เทียบกับ +1% ในปี 2566 THANI วางแผนเปลี่ยนมาเน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกใหม่และสินเชื่อทะเบียนรถมากขึ้นเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ บริษัทพบว่าความต้องการรถบรรทุกจากภาคก่อสร้างและภาคส่งออกชะลอตัวลง แต่ความต้องการจากภาคพาณิชย์และภาคเกษตรกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของธปท. พบว่าดัชนีราคาทั้งรถบรรทุกมือสองและรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือน ม.ค. 2567 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ

ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ THANI ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2567 ที่ 4,336 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1,173.89 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 2.30 บาท จาก 3 โบรกเกอร์

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ปรับประมาณการกำไรปี 2567 ของ THANI ลดลง 9% เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อลดลง โดยปัจจุบันคาดว่ากำไรปี 2567 จะลดลง 15% Dilution effect จากหุ้นปันผล (10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล) มาที่ 1,098 ล้านบาท และทำให้คาดว่า EPS ปี 2567 จะลดลง 23% มาที่ 0.18 บาท ด้านบล.กสิกรไทยปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567/68/69  ที่ +1.8%/-0.7%/-1.5% มาที่ 1,132/1,420/1,684 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น THANI ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 28 มี.ค. 2567 ที่ 2.24 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 10.84 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 18.42 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น THANI อยู่ที่ 1.10 เท่า ต่ำกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 1.65 เท่า

Back to top button