PRIME ติดหล่มกำไร.!
น่าแปลกใจ..!! จู่ ๆ บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ หรือ PRIME ซึ่งเป็นร่างใหม่ของ บมจ.ฟู้ด แคปปิตอล หรือ FC ก็พลิกมาขาดทุนอีกครั้ง
น่าแปลกใจ..!! จู่ ๆ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ซึ่งเป็นร่างใหม่ของบริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ FC ก็พลิกมาขาดทุนอีกครั้ง โดยงบงวดปี 2566 มีตัวเลขขาดทุนบักโกรก 901.64 ล้านบาท จากรายได้รวม 1,656.47 ล้านบาท
เพราะหลังจากมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น มี “สมประสงค์ ปัญจะลักษณ์” เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และปรับโครงสร้างธุรกิจ จากเดิมทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ก็โละทิ้งไป แล้วเอาธุรกิจพลังงานทดแทนมาสวมแทน…ดูเหมือนจะลืมตาอ้าปากได้แล้วนะ มีกำไรต่อเนื่องมาทุกปี…
โดยปี 2562 มีรายได้รวม 339.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 264.97 ล้านบาท ถัดมาปี 2563 มีรายได้รวม 500.05 ล้านบาท กำไรสุทธิ 288.26 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มีรายได้รวม 594.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 130.08 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีรายได้รวม 1,136.54 ล้านบาท กำไรสุทธิ 137.07 ล้านบาท
ที่น่าตั้งข้อสังเกต ก่อนหน้านี้ PRIME มีความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างสูง สะท้อนได้จากอัตรากำไรสุทธิที่อยู่ระดับสูง แต่น่าแปลกใจที่อัตรากำไรสุทธิย่อลงมาทุกปี โดยปี 2562 อยู่ที่ 80.07% พอมาปี 2563 อยู่ที่ 60.65% ปี 2564 ลดลงเหลือ 23.60% ส่วนปี 2565 เหลือ 13.13% และปี 2566 ติดลบ 53.86%
เอ๊ะ…เกิดอะไรขึ้นกับ PRIME กันเนี่ย ทำไมรายได้โตแต่กำไรสาละวันเตี้ยลงทุกปี กระทั่งปีที่แล้วถึงขั้นพลิกมาขาดทุนละเนี่ย..??
พอไปแงะดูไส้ใน สาเหตุหลักมาจากการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับลูกหนี้จากการค้ำประกัน มูลค่าเงินลงทุนก้อนใหญ่ 782.26 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าไม่มีในส่วนนี้
มิหนำซ้ำ ยังมีการบุ๊กขาดทุนจากการด้อยค่าและอื่น ๆ อีก 140.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,642.74%
ขณะที่ ขาของต้นทุนก็เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้น 38.62% อยู่ที่ 1,184.03 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้น 21.05% อยู่ที่ 299.93 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 79.75% อยู่ที่ 337.88 ล้านบาท
ทำให้แม้ PRIME มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,610.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.44% แต่ไม่เพียงพอที่จะไปชดเชยกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ เลยเป็นที่มาของการติดหล่มกำไรนั่นเอง..!!
ก็ไม่รู้ว่าจากผลงานที่น่าผิดหวังอ๊ะป่าว..?? เลยทำให้นักลงทุนพากันเมินหุ้น PRIME ส่งผลให้ราคาทรุดลงต่อเนื่อง โดยในรอบ 1 สัปดาห์ ราคาทรุดไปแล้ว 12.28% รอบ 1 เดือน ทรุดลงไป 12.28% และรอบ 3 เดือนทรุดลง 16.67%
ที่จริงในเชิงธุรกิจของ PRIME ก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจ ตั้งแต่ต้นปีมานี้ มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม จำนวน 15.70 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น บริษัท พีอาร์ ปากพนัง 1 จำกัด ซึ่งจะเสนอขายไฟฟ้า 5.70 เมกะวัตต์ และ บริษัท พีอาร์ หัวไทร จำกัด เสนอขายไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์
ตามด้วยการเตรียมจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท รูฟท็อป กรีน เอ็นเนอร์ยี่ 01 จำกัด, บริษัท รูฟท็อป กรีน เอ็นเนอร์ยี่ 02 จำกัด และบริษัท รูฟท็อป กรีน เอ็นเนอร์ยี่ 03 จำกัด โดยทั้ง 3 บริษัทมีทุนจดทะเบียนบริษัทละ 100,000 บาท เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ซึ่งคาดจะจัดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2567 นี้
ล่าสุดก็แจ้งการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศจีนที่ชื่อ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (อี๋หนาน) จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านหยวน เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทน โดย PRIME จะถือหุ้นผ่านบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (ซานตง) จำกัด ในสัดส่วน 90%
ดู PRIME จะเอาจริงเอาจังกับธุรกิจด้านพลังงานทดแทนนะเนี่ย…
ก็น่าจะทำให้โครงสร้างธุรกิจที่ก่อนหน้านี้ดูโฟกัสเบลอ ๆ เพราะมีการลงทุนที่หลากหลายมว๊ากกก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไฟฟ้า, Private PPA, รับเหมาก่อสร้าง, ขายสินค้า, ที่ปรึกษา และอื่น ๆ…แต่ตอนนี้โฟกัสคงชัดแล้วมั้ง..??
เอ๊ะ…หรือยังเบลออยู่…อันนี้ก็ไม่รู้สินะ..!!
…อิ อิ อิ…