วัดใจฝรั่ง
การบวก 2 วันติดท่ามกลางต่างชาติหวนกลับมาซื้อ 2 วัน ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ในมุมของบรรยากาศการลงทุน เพราะทำให้ทุกคนได้เห็นเต็มสองลูกตาว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยถูกขับเคลื่อนจากเม็ดเงินต่างชาติเป็นหลัก
การบวก 2 วันติดท่ามกลางต่างชาติหวนกลับมาซื้อ 2 วัน ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ในมุมของบรรยากาศการลงทุน เพราะทำให้ทุกคนได้เห็นเต็มสองลูกตาว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยถูกขับเคลื่อนจากเม็ดเงินต่างชาติเป็นหลัก ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีต่อจากนี้จะขึ้นตรงกับท่าทีของต่างชาติ (วานนี้ซื้อไปอีก 3.69 พันล้านบาท) และทำให้เดี๊ยนพานคิดต่อไปว่า รอบนี้จะขึ้นไปถึงระดับ 1,450 จุดหรือเปล่า? เพราะเที่ยวก่อนเคยเกือบทำได้น่ะซี
โดยระดับที่ดีสุดของเที่ยวก่อนอยู่บริเวณ 1,438 จุด ขณะที่วานนี้ดัชนีขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,408.17 จุด บวกไป 7.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.43 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันอย่าลืมว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีเคยขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้แป๊บหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ซึมลงเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากต่างชาติถอนคันเร่งแบบดื้อ ๆ จึงทำให้บรรยากาศการลงทุนหงอยเหงาเป็นเวลาหลายสัปดาห์นะจะบอกให้
ที่สำคัญคือ ประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีสิทธิ์เป็นหนังม้วนเดิม เพราะสิ่งที่เห็นมันเป็นมุกเดิมที่เคยเอามาใช้ ขณะเดียวกันก็ยังไม่เห็นมูฟเมนต์ใหม่ ๆ ทางธุรกิจที่จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจเดินหน้าอย่างเต็มตัว “โมนิก้า” จึงขอเผื่อใจไว้ครึ่งหนึ่งสำหรับความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้น แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ขอดีใจล่วงหน้า เผื่ออะไรต่อมิอะไรจะดีขึ้นกว่าเดิม เพราะโลกของการลงทุนมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาน่ะซี
เช่นเดียวกับเรื่องแจกเงินหมื่นของรัฐบาล “เสี่ยนิด” ที่เริ่มเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้ง พร้อมกับระบุสเปกร้านค้าที่จะได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว (คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นร้านโชห่วย) แต่สุดท้ายดันมีร้านสะดวกซื้อเข้ามาติดหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว วานนี้จึงเห็นราคาหุ้น CPALL เด้งรับข่าวดีด้วยการขึ้นมาปิดที่ระดับ 57.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.18 พันล้านบาทแบบกระดี๊กระด๊าไงล่ะคะ
ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงเรื่องน่าดีใจกันทั้งที “โมนิก้า” ก็ขอเม้าท์ถึงหุ้น SABUY เพื่อชี้ให้เห็นการเข้ามาของกลุ่มทุนใหม่ พร้อมกับอัดฉีดเม็ดเงินผ่านการเพิ่มทุนเกือบ 3 พันล้าน ถือเป็นการพลิกเกมครั้งสำคัญของบริษัทนี้ และถือเป็นการเดิมเกมธุรกิจครั้งใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งยวด ขณะที่ราคาหุ้นก็ตอบรับการมาของตระกูล “เจียรวนนท์” ด้วยการพุ่งขึ้นมาปิดที่ 2.72 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 22.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.59 พันล้านบาทอย่างร้อนแรงนะจ๊ะ
ส่วนหุ้นแบงก์ที่ยังมาแบบเนิบ ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BBL หลังขยับตัวต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 142.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.07 พันล้านบาท น่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากต่างชาติยังเดินหน้าเก็บหุ้น และยังได้รับข่าวดีจาก กนง. คงดอกเบี้ย ทำให้แบงก์ดอกบัวยังคงเป็นเสือนอนกินเหมือนเดิม และมีลุ้นวิ่งผ่านยอดเดิมที่บริเวณ 145 บาทแบบนี้..แจ่มแมวไหมล่ะคุณพี่
อีกรายที่แจ่มไม่แพ้ใคร “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SIRI หลังมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องมากกว่าอสังหาฯ เจ้าอื่น และการที่หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.77 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 384 ล้านบาท น่าจะเป็นภาพสะท้อนความนิยมในหุ้นตัวนี้ได้ค่อนข้างดี แถมได้รับข่าวดีจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ของรัฐบาลเป็นแรงเสริม จึงกลายเป็นหุ้นที่ขึ้นหม้อสุด ๆ นะจะบอกให้
สำหรับรายที่ยังแรงต่อเนื่อง และมีสิทธิ์ที่จะวิ่งขึ้นไปอีก “โมนิก้า” ขอมองย้อนกลับมาที่หุ้นกระดาษลัง SCGP อีกสักครั้ง เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 32.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 666 ล้านบาท มันเป็นการบวกต่อเนื่องวันที่ 2 แถมเที่ยวนี้ได้แรงหนุนจากต่างชาติกลับมาลุย เดี๊ยนย่อมมองเป็นเกมใหญ่ที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบของ “ใหญ่และแข็ง” เจ้าค่ะ
ตบท้ายกันที่หุ้นนางงาม MGI เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 21.40 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 566 ล้านบาท น่าจะเป็นการดีดรับเจ้าของใหม่หุ้นสบายแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องต้องแสดงความยินดีล่วงหน้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดูกันต่อไปว่า คนซีพีคนนั้นจะช่วยต่อนั่งร้านให้นางงามขึ้นไปแตะขอบฟ้าได้ไหม? ยังเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปนะตัวเอง!