HENG เป้าสินเชื่อโต 20%
HENG โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 4/66 1.สินเชื่อเช่าซื้อ 30.9% 2.สินเชื่อจำนำทะเบียน 64.5% 3.สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ + สินเชื่อที่ดินและบ้าน + สินเชื่อบุคคล 4.6%
บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 1.สินเชื่อเช่าซื้อ 30.9% 2.สินเชื่อจำนำทะเบียน 64.5% 3.สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ + สินเชื่อที่ดินและบ้าน + สินเชื่อบุคคล 4.6% โครงสร้างรายได้ดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 1.สินเชื่อจำนำทะเบียน 60.1% 2.สินเชื่อเช่าซื้อ 33.8% 3.สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ + สินเชื่อที่ดินและบ้าน + สินเชื่อบุคคล 6.1%
HENG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 มีกำไรสุทธิ 159.31 ล้านบาท ลดลง 23.28% จากไตรมาส 4/2565 แต่เพิ่มขึ้น 96.17% จากไตรมาส 3/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 81.21 ล้านบาท กำไรไตรมาส 4 ที่ลดลง มาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่สูงขึ้นจากคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลง และการตัดหนี้สูญที่สูง แต่กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น มาจากการปรับ ECL ในไตรมาส 4/2566 ตามปกติ กำไรปกติที่ 159 ล้านบาท สูงกว่าที่บล.กสิกรไทยคาดไว้ 11% จากต้นทุนต่อรายได้ (CIR) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งลดลงจาก 60% ในไตรมาส 3/2566 มาเป็น 50% ในไตรมาส 4/2566 ส่วนพอร์ตสินเชื่อรวมของ HENG ขยายตัว 4% จากไตรมาส 3/2566 และ 26% จากไตรมาส 4/2565 มาที่ 1.51 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้กำไรปกติปี 2566 ของ HENG อยู่ที่ 422 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่บล.กสิกรไทย คาดการณ์ไว้ที่ 425 ล้านบาท
HENG รายงานอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ลดลง 0.30% จากไตรมาส 3/2566 หรือจาก 3.7% มาเป็น 3.4% NPL ratio ที่ลดลงนี้เกิดจากการตัดหนี้ NPL ก้อนโตในไตรมาส 4/2566 ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) อยู่ที่ 2.5% เทียบกับ 3.2% ในไตรมาส 3/2566 และอยู่ที่ระดับ 2.7% ในปี 2566 ด้านอัตราเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (coverage ratio) ลดลงมาอยู่ที่ 122% เทียบกับ 127% ในไตรมาส 3/2566 และ 149% ในไตรมาส 4/2565 ขณะที่การก่อ NPL ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับในไตรมาส 3/2566 ดังนั้นจึงเชื่อว่าคุณภาพสินทรัพย์จะยังไม่ดีขึ้น แต่ไม่ได้แย่ลงเช่นกัน
ผู้บริหาร HENG คาดว่ากำไรจะโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 แต่บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงอนุรักษนิยมมากกว่า HENG เนื่องจากยังไม่เห็นการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ โดย HENG ระบุว่า 1.สินเชื่อปี 2567 จะเติบโต 20% จากปี 2566 2.ต้นทุนดอกเบี้ยที่ 5.5-5.6% อัตราผลตอบแทนเงินกู้ที่ 20% และ NPL ratio ต่ำกว่า 3% ด้วยเหตุนี้ แนวทางธุรกิจของ HENG ปี 2567 จึงมี upside ที่ 30% เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรปกติปี 2567 ของบล.กสิกรไทยที่ 548 ล้านบาท
ผลขาดทุนจากการขายรถยึด ต่ำกว่าที่บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามการขาดทุนยังคงอยู่ในระดับสูงในไตรมาส 4/2566 โดยลดลง 12% จากไตรมาส 3/2566 แต่เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 63% จากไตรมาส 4/2565 มาอยู่ที่ 80 ล้านบาท
ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ HENG ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2567 ที่ 2,566 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 548 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 1.90 บาท จาก 1 โบรกเกอร์
บล.กสิกรไทย คงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 548 ล้านบาท และปี 2568 ที่ 729 ล้านบาท คุณภาพสินทรัพย์ของ HENG ถือเป็นข้อกังวลหลัก อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในไตรมาส 4/2566 จากการก่อ NPL ที่มีเสถียรภาพ แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม ขณะที่การประเมินมูลค่าหุ้นของ HENG ใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่าง AMANAH แต่ต่ำกว่า SAK ซึ่งควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีกว่า ทั้งนี้ ROE ปี 2567 ของ HENG คาดว่าจะอยู่ที่ 9.7% เทียบกับ AMANAH ที่ 9.7% และ SAK ที่ 14.5%
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น HENG ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 3 เม.ย. 2567 ที่ 1.81 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 16.34 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 18.27 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น HENG อยู่ที่ 1.27 เท่า ต่ำกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 1.64 เท่า