พาราสาวะถี
ช้าหรือเร็วไม่มีใครตอบได้ในการปรับ ครม. ที่แน่ชัดคือมีการเขย่าจริงไม่ใช่ข่าวปล่อย ข่าวลือเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า
ช้าหรือเร็วไม่มีใครตอบได้ในการปรับ ครม. ที่แน่ชัดคือมีการเขย่าจริงไม่ใช่ข่าวปล่อย ข่าวลือเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า เศรษฐา ทวีสิน ไม่ได้ตอบแบบเต็มปากเต็มคำเหมือนที่ผ่านมา หลังจากการเข้ารดน้ำขอพร ทักษิณ ชินวัตร ช่วงสงกรานต์ ขณะเดียวกัน บรรดารัฐมนตรีที่มีชื่อว่าจะหลุดโผจากซีกของพรรคเพื่อไทย ก็ดูเหมือนว่าจะยอมรับสภาพ โดยเฉพาะ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว เจ้ากระทรวงคุณหมอที่ถึงกับตัดพ้อว่า ผลงาน 7 เดือนที่ผ่านมาอยู่ระดับเกรดเอบวก แต่มีส่วนหนึ่งที่ทำให้ถูกนายกรัฐมนตรีคาดโทษ
นั่นก็คือ การคุมข้าราชการไม่ได้ อะไรคือการคุมไม่ได้ ทั้งที่จะว่าไปในระดับผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงไปจนถึงอธิบดีทุกกรม ต่างก็พร้อมที่จะสนองตอบต่อนโยบายของฝ่ายการเมืองอย่างเต็มที่ เห็นได้จากยุคของ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ไม่ได้มีหัวโขนเป็นแพทย์เหมือนหมอชลน่าน ยังได้รับการตอบรับและร่วมมือเป็นอย่างดีจากคนในกระทรวง แต่นี่เป็นการเลือกคนที่น่าจะเหมาะสมกับงาน ถ้ารับไม่ได้ก็แสดงว่าระบบน่าจะมีปัญหา
มากไปกว่านั้น ตลอดระยะที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าหมอชลน่านสามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้ อย่างกรณีบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ที่ตั้งเป้าไว้ว่าสิ้นปีนี้จะสามารถครอบคลุมได้ทั่วประเทศ ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง จะมีที่ทำให้ต้องสะดุดคงเป็นเรื่องยาบ้า 5 เม็ดเป็นผู้เสพ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของคนที่เป็นเจ้ากระทรวง เนื่องจากเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องมาจากผลศึกษาที่ร่วมมือกันหลายฝ่าย การส่งสัญญาณเหมือนถอดใจจึงอาจไม่ใช่การเปิดทางถอยอย่างที่เข้าใจ
หากแต่เป็นการเดินเกมรุก เพราะมีคำพูดตามมาว่าตัวเองผ่านอะไรมาเยอะ ด้วยการหยิบยกเหตุการณ์พลิกขั้วตั้งรัฐบาลที่ผ่านมา ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหมอชลน่านต้องรับบทหนังหน้าไฟถูกด่าทอต่อว่า ที่หนักหนาสาหัสสุดคือการถูกโจมตีเป็นพวกไร้อุดมการณ์ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าถูกด่าถูกตำหนิถูกเหยียบกลางถนนทุกวัน เอารูปหน้าตนไปเหยียบ เหมือนเป็นการเตือนใจท่านผู้นำคิดจะเฉดหัวทิ้งควรสำนึกในบุญคุณที่มีต่อกันบ้าง
อย่างไรก็ตาม แม้อำนาจการปรับ ครม.ถือเป็นสิทธิ์ขาดของเศรษฐาแต่เพียงผู้เดียว สังคมทั่วไปก็ยังเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ยิ่งการที่ทักษิณได้แสดงบทบาททางการเมืองเด่นชัดขึ้นทุกวัน ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกลากเข้ามาข้องเกี่ยวต่อกระบวนการตัดสินใจดังกล่าว ทั้งนี้ เป้าหมายที่ว่าจะส่งหมอชลน่าน พร้อม สุทิน คลังแสง ที่จะถูกเขี่ยจากว่าการกระทรวงกลาโหมกลับไปทำงานถนัดในสภาผู้แทนราษฎรนั้น น่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิดกันไว้
เข้าใจได้ว่าบทบาทในสภาของทั้งสองคนโดดเด่นเป็นอย่างมากในช่วงที่เพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้านตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปการจะกลับไปขับเคลื่อนงานของสภา ทั้งคู่จะต้องมีสถานะที่มากไปกว่าประธานวิปรัฐบาล ซึ่งก็คือประธานสภาฯ เป็นอย่างน้อย โดยที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานคนปัจจุบันจากพรรคประชาชาติ ก็ประกาศกร้าวมาแล้วว่า รับไม่ได้ หากจะมีการส่งสัญญาณขอเก้าอี้ประธานสภาคืนจากพรรคแกนนำรัฐบาล
ด้วยเหตุผลที่ว่าตามธรรมเนียมปฏิบัติไม่เคยมีมาก่อนที่อยู่ ๆ จะมาขอคืนเก้าอี้กันแบบนี้ โดยที่ผู้ทำหน้าที่ไม่ได้ทำผิดอะไร เหมือนจะอ่านทิศทางกันได้ว่าขืนดันทุรังกันต่อไปจะเป็นปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลแน่ ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้จัดการรัฐบาลจึงยืนยันว่า เก้าอี้ประธานสภาเพื่อไทยไม่ใช่เจ้าของตั้งแต่ต้น จะยึดคืนไม่ได้ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้ตัดสิน เรื่องการเปลี่ยนประธานสภาไม่ใช่หน้าที่ของ สส. ที่คิดจะเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าจะคิดต้องไปเปลี่ยนประธานสภา เพราะประธานสภาก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างดี
ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาตินั้น ก็ได้ทำหน้าที่ในการที่จะดูแลเรื่องต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อการเดินทางกลับประเทศ จนกระทั่งได้รับการพักโทษของทักษิณมาโดยตลอด หากจะปรับเปลี่ยนย่อมต้องให้ขยับไปอยู่ในเก้าอี้ที่ใหญ่กว่านี้ คำถามก็คือ เพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นกล้าที่จะแลกหรือไม่ อะไรที่แตะแล้วเป็นปัญหาต้องหลีกเลี่ยงเป็นดีที่สุด
การขยับตำแหน่งของรัฐมนตรีในสัดส่วนเพื่อไทยจากโผที่ปรากฏ ความเป็นไปได้จึงอยู่ที่ชื่อของ พิชัย ชุณหะวชิร ที่ปรึกษานายกฯ จะไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยที่เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยที่บอกว่าจะปรับ กฤษฎา จีนะวิจารณะ จากรวมไทยสร้างชาติออก เพื่อเปิดทางให้ เผ่าภูมิ โรจนพฤกษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมานั่งช่วยว่าการเพื่อให้คนของพรรคแกนนำรัฐบาลคุมคลังทั้งหมดนั้น ทางฝ่ายที่ถูกร้องขอยังปฏิเสธ อยู่ระหว่างการเจรจากันอย่างเข้มข้น
เช่นเดียวกับเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ทาง ธรรมนัส พรหมเผ่า ขอเติมชื่อ ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร คนสนิทมาทำงานร่วมกัน ทำให้เพื่อไทยต้องเขี่ย ไชยา พรหมา พ้นจากตำแหน่งนี้ แต่คนที่มีชื่อฮึดสู้ขออยู่ต่อ หวยจึงไปออกที่ อนุชา นาคาศัย จากรวมไทยสร้างชาติแทน ซึ่งก็มีการยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมเหมือนกัน ขณะที่ภายในพรรคพลังประชารัฐก็มีปัญหาการงัดข้อกันระหว่างแม่บ้านพรรคกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ในฐานะหัวหน้าพรรค จากที่อีกฝ่ายถือว่าเคยเป็นพวกเดียวกันมาก่อนเดินสายล็อบบี้ และวิ่งเข้าหานายใหญ่ จนได้รับความไว้วางใจ และมองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า
ส่วนอีกฝ่ายก็อาศัยสายสัมพันธ์ในฐานะที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันช่วงเรืองอำนาจ จนสามารถปิดดีลกันได้ พยายามขอให้คนของตัวเองได้เข้ามามีอำนาจในรัฐบาลด้วย จึงอยู่ระหว่างการต่อรองกันอย่างหนัก โดยเก้าอี้ที่รัฐบาลเศรษฐายังขาด หลังจากที่แนวรบด้านเศรษฐกิจลงตัวคือ รองนายกฯ ที่จะดูแลงานด้านความมั่นคง และด้านกฎหมาย อย่างหลังมีโอกาสที่ ชูศักดิ์ ศิรินิล อาจได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ส่วนเรื่องความมั่นคงนั้นคนใช้ใจบันดาลแรงพยายามที่จะขอคัมแบ็ก แต่ทั้งเศรษฐาและผู้มีอำนาจขอให้ดิจิทัลวอลเล็ตได้เดินหน้าก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน อย่างไรก็ตาม หากประเมินแล้วว่าจำเป็นก็อาจไม่มีทางเลี่ยง
อรชุน