ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเปราะบาง จากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

InnovestX มองว่ามี 2 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ภาพเศรษฐกิจและการลงทุนเปลี่ยนแปลงไป 1.พัฒนาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลาง 2.Fed อาจเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย


InnovestX มองว่ามี 2 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ภาพเศรษฐกิจและการลงทุนเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ (1) พัฒนาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลาง (2) ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า Fed อาจเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดย InnovestX มองว่า เงินเฟ้อในระยะต่อไปจะขึ้นกับราคาน้ำมันเป็นหลัก เนื่องจากในภาพใหญ่ เงินเฟ้อจากภาคบริการจะค่อย ๆ ลดความสำคัญลง แต่เงินเฟ้อจากราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ InnovestX มองว่า ราคาน้ำมัน จะมีผลต่อเงินเฟ้อ และกระทบต่อเศรษฐกิจและดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์เป็นหลัก  

โดย InnovestX แบ่งสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ออกเป็น 4 สถานการณ์ (1) ในสถานการณ์หลัก (Base scenario) ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (2) สงครามเงา  (Shadow war) สงครามขยายตัวไปสู่การต่อสู้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน กบฎฮูตีในเยเมน และซีเรีย ทำให้ราคาน้ำมันคงตัวในระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (3) สงครามตัวแทน (Proxy war) เกิดการโจมตีทางอากาศในอิหร่านและอิสราเอล ทำให้สหรัฐฯ กลับไปคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง ทำให้ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 100-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

4) สงครามจริงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน อาจทำให้อิหร่านปิดช่องแคบเฮอร์มุซ ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งไปสู่ระดับ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยในปัจจุบัน InnovestX เริ่มมองว่าอาจเป็นไปได้ที่สถานการณ์หลัก กำลังจะเคลื่อนไปสู่สถานการณ์สงครามเงา ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวประมาณ 0.5% เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.5% และ Fed ลดดอกเบี้ยได้เพียง 2 ครั้ง จากที่ InnovestX เคยคาดไว้ที่ 4 ครั้ง

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น InnovestX มองว่า ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางและผันผวน จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เดิม ประกอบกับ การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/67 ที่คาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำ แม้ว่าทิศทางดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ จะมีสัญญาณฟื้นตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก ดังนี้ 

1.หุ้นที่สามารถลดความผันผวนและเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูงขึ้นกับการตอบโต้ของอิสราเอลว่าจะออกมาในรูปแบบใด และจะนำไปสู่สงครามระหว่างอิหร่านอย่างเต็มรูปแบบหรือไม่ โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และหุ้นโรงกลั่นจะได้ผลบวกผ่านกำไรสต๊อกที่เพิ่มขึ้นเชิงพื้นฐานชอบ BCP ส่วน TOP สำหรับการ Trading (ทั้งนี้หากสถานการณ์ลุกลามไปสู่การสู้รบอย่างเต็มรูปแบบอาจหนุนราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานของอิหร่านที่คิดเป็น 3-4% ของอุปทานโลก และในกรณีเลวร้ายกระทบการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ Hormuz อาจกระทบการส่งออกได้สูงสุดถึงกว่า 17% ของอุปทานโลก) ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)

2.นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือก หุ้นการแพทย์ BDMS, BCH หุ้นขนส่งทางบก BEM หุ้นค้าปลีก CPALL, CPAXT, BJC หุ้นสื่อสาร ADVANC หุ้นอสังหาฯ ปันผลดี AP

สุกิจ อุดมศิริกุล

Back to top button