ซาอุดีอาระเบีย & จีน..เสริมเขี้ยว BRICS

ถือเป็นอีกหนึ่ง “ข่าวใหญ่วงการพลังงานโลก” เมื่อล่าสุด “ซาอุดีอารัมโก” กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ “เหิงลี่ กรุ๊ป”


ถือเป็นอีกหนึ่ง “ข่าวใหญ่วงการพลังงานโลก” เมื่อล่าสุด “ซาอุดีอารัมโก” บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย และเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจาก “แอปเปิล” และ “ไมโครซอฟท์”) กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ “เหิงลี่ กรุ๊ป” (Hengli Group) บริษัทเอกชนที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของจีน (ปี 2566)

พร้อมมีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) เพื่อเปิดทางให้ “อารัมโก” เข้าซื้อหุ้น “เหิงลี่ ปิโตรเคมีคอล” บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมียักษ์ใหญ่ของจีน ในสัดส่วน 10% จากหุ้นทั้งหมด

โดย Mohammed Y.Al Qahtani ประธานกรรมการอารัมโก ระบุว่า การเซ็น MOU ครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจปลายน้ำของบริษัท รวมถึงเป็นการตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของอารัมโกในตลาดโลก โดยต้องการที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับการเปลี่ยนสถานะของเหลวให้เป็นเคมีภัณฑ์

รวมทั้งต้องการให้บริษัทมีความมั่นคงด้านของซัพพลายน้ำมันดิบระยะยาวและบริษัทมองหาโอกาสการทำธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ “เหิงลี่ ปิโตรเคมีคอล” เป็นบริษัทย่อยของ เหิงลี่ กรุ๊ป โดยบริษัทมีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 400,000 บาร์เรลต่อวันและมีโรงกลั่นเคมีภัณฑ์แบบบูรณาการตั้งอยู่ที่มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีโรงงานการผลิตอีกหลายแห่ง ทั้งมณฑลเจียงซูและกวางตุ้ง

“เหิงลี่ กรุ๊ป” จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตเคมีภัณฑ์ในจีน มีกระบวนการผลิตตั้งแต่น้ำมันดิบ จนถึงอะโรเมติกส์, เอทิลีน, กรดเทเรพธาลิกบริสุทธิ์ และวัสดุเส้นใยคุณภาพสูง

โดยปี 2566 มีรายได้ 234,000 ล้านหยวน มีกำไรสุทธิ 6,900 ล้านหยวน และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 11.88%

จากดีลดังกล่าวถือว่าได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เริ่มจาก “อารัมโก” ได้มีการต่อยอดธุรกิจปลายน้ำ และลดความเสี่ยงดีมานด์น้ำมันดิบไปพร้อมกัน ส่วน “เหิงลี่ กรุ๊ป” จะได้บริษัทน้ำมันที่ใหญ่สุดในโลก เข้ามาร่วมพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ พร้อมลดต้นทุนและความเสี่ยงเรื่องซัพพลาย..ที่มีสำคัญมีโอกาสเปิดตลาดตะวันออกกลางมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยความที่ซาอุดีอาระเบียและจีน 2 มหาอำนาจแห่งภูมิภาคเอเชีย ต่างเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS (หรือกลุ่มประเทศกําลังพัฒนาที่มีการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว) ทำให้เกิดความเข้มแข็งภูมิรัฐศาสตร์ทางฝั่งประเทศเกิดใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การแบ่งแยกโลกออกเป็น 2 ขั้วและลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจกับชาติตะวันตกลง

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) มีการต้อนรับสมาชิกใหม่ 5 ชาติ จากแอฟริกาและตะวันออกกลาง และกำลังกลายเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ พร้อมเพิ่มบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจของโลกและลดการพึ่งพาชาติตะวันตก

โดยกลุ่ม BRICS เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2006 มีสมาชิก 4 ชาติ คือ บราซิล, รัสเซีย, อินเดียและจีน เริ่มแรกใช้ชื่อว่ากลุ่ม BRIC ในเวลาต่อมาแอฟริกาใต้ เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกช่วงปี 2010 จึงทำให้เกิดชื่อใหม่เป็น BRICS

ล่าสุดกลุ่ม BRICS มีสมาชิกใหม่เพิ่มอีก 5 ชาติอย่างเป็นทางการ คือ อียิปต์, เอธิโอเปีย, อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยขนาดการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) สัดส่วนอยู่ที่ 26% ของ GDP โลก ตามหลังผู้นำกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 7 ประเทศ (G7) ที่มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันอยู่ที่ 43.7% ของ GDP โลก

หากแต่ว่า..จำนวนประชากรของประเทศกลุ่ม BRICS ครอบคลุมจำนวนประชากรถึง 42% ของทั้งโลกหรือเกือบกึ่งหนึ่งของประชากรโลกเลยทีเดียว

ดังนั้นการผนึกพันธมิตระหว่างซาอุดีอาระเบียกับจีนครั้งนี้..มิใช่เป็นเรื่องของทั้ง 2 ประเทศ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเข้มแข็งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ไปด้วย…!!!

สุภชัย ปกป้อง

Back to top button