พาราสาวะถี
เป็นจังหวะเวลาประจวบเหมาะตามข่าวที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทยขีดเส้นให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อรัฐมนตรีที่ต้องการปรับเปลี่ยนภายใน 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
เป็นจังหวะเวลาประจวบเหมาะตามข่าวที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทยขีดเส้นให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อรัฐมนตรีที่ต้องการปรับเปลี่ยนภายในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา โดยที่วันเดียวกัน เศรษฐา ทวีสิน ไม่มีภารกิจใด ๆ อันถือเป็นกิจวัตรที่ผิดแผกแตกต่างไปจากห้วงระยะเวลาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง มิหนำซ้ำ ในช่วงสายวันเดียวกัน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังได้ดอดเข้าพบท่านผู้นำบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็นการส่วนตัวอีกต่างหาก
หลังจากการพูดคุย เสี่ยหนูยืนยันว่าไม่ได้หารือกับเสี่ยนิดเรื่องเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรีในส่วนของภูมิใจไทย เพราะได้ยืนยันไปแล้วทั้ง 8 ตำแหน่งขออยู่ที่เดิมทั้งหมด มิหนำซ้ำ ยังช่วยยืนยันความราบรื่น เรียบร้อยในการบริหารงานภายในกระทรวงคลองหลอด พร้อมการันตีการทำงานของ เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยจากเพื่อไทย เป็นไปด้วยดี โดยที่เจ้ากระทรวงยังได้มอบหมายกระทรวงการพัฒนาชุมชนให้ดูแลเพิ่มอีก 1 แห่ง เช่นนี้แล้วจะขยับปรับย้ายกันได้อย่างไร
เมื่อดูแนวโน้มจากข่าวที่ปรากฏสองคนรุ่นใหม่ในพรรคแกนนำรัฐบาล อย่าง จิราพร สินธุไพร และ เผ่าภูมิ โรจนสกุล ได้เข้าไปกรอกเอกสารตรวจสอบคุณสมบัติที่ทำเนียบฯ เพื่อเตรียมพร้อมถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีแล้ว แม้รายหลังจะออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่ก็เป็นการปฏิเสธที่ไม่ได้เต็มปากเต็มคำ ดังนั้น จึงไม่น่ามีอะไรผิดพลาด ทั้งคู่จะได้ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ โดยจิราพรยังไม่ชัดเจนว่าไปอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือพาณิชย์ ขณะที่เผ่าภูมิชัดเจนว่าจะเป็นรัฐมนตรีช่วยคลัง
เห็นได้จากภารกิจในฐานะเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บทบาทการชี้แจงร่วมกับ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต การที่เศรษฐาถอนตัวไม่ควบเก้าอี้ว่าการคลัง โดยส่งไม้ต่อให้ พิชัย ชุณหะวชิร มาบริหารแทน การได้สองมือดีของพรรคแกนนำมาเป็นมดงาน ย่อมทำให้การบริหารงานทั้งในแง่นโยบายรัฐบาล และงานการเมืองไม่ติดขัด ขณะเดียวกัน ก็เป็นการสร้างภาพลักษณ์หนุนคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ไปในตัวด้วย
เช่นเดียวกับการผลักดันจิราพรลูกสาวของ นิสิต สินธุไพร อดีตแกนนำพรรคที่เป็นแกนหลักในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ ด้านหนึ่งดูเหมือนเป็นการตอบแทนความทุ่มเทการทำงานของผู้เป็นพ่อ แต่อีกด้านนี่คือการให้รางวัลนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ทำงานในสภาจนได้รับเสียงชื่นชมเป็นวงกว้าง หากทั้งสองคนที่พรรคส่งเข้าไปร่วมงานฝ่ายบริหารทำงานได้เข้าตา ก็ย่อมจะเป็นความหวังของพรรคในการเรียกคะแนนนิยมจากคนรุ่นใหม่ในทางการเมืองได้
น่าสนใจต่อเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากเดิมที่ว่าเศรษฐาจะไปนั่งควบ ทำไปทำมากลายเป็นว่า สุทิน คลังแสง อาจจะยังเหนียวแน่นได้ไปต่อ เพราะภายในพรรคไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองมากนัก ขณะที่เก้าอี้นี้ไม่ว่าใครจะมานั่งหากไม่เก๋าเกมพอก็จะถูกแรงกดดันอย่างหนักหน่วง ดังนั้น คนที่เป็นผู้นำจึงอยากจะเอาเวลาไปทุ่มเทกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ดีกว่า
ไม่เพียงแค่การจัดสรรปันส่วนเก้าอี้เพื่อต่างตอบแทนภายในพรรคนายใหญ่ ที่ต้องทำกันอย่างระมัดระวังเท่านั้น แม้แต่การขยับเพื่อเขย่าเก้าอี้ของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ประสาการเมืองเมื่ออ้อยเข้าปากช้างแล้วจะให้คายออกมานั้นเป็นเรื่องยาก ประกอบกับการเป็นพรรคร่วมซึ่งมีที่มาผ่านกระบวนการดีลกันหลายชั้น การปรับแต่ละครั้งจำเป็นต้องคำนึงถึงเสถียรภาพเป็นด้านหลัก เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ยอมก็ต้องสรรหาข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ ในภาวะเช่นนี้
ถ้าแตะแล้วมีปัญหา จำเป็นต้องให้เวลาทอดไปอีกระยะหนึ่ง แล้วใช้ผลของการทำงานเป็นตัวตัดสิน อันเป็นหลักการที่ผู้ถูกร้องขอยากที่จะปฏิเสธ จะเห็นได้ว่าคู่ขนานกับข่าวปรับ ครม.นั้น มีประเด็นที่ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือถึง ครม.ให้ทบทวนหลักเกณฑ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเหมือนจิ้งจกที่มาทัก อันจะเป็นหัวเชื้อให้ฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลนำไปขยายผล นั่นหมายความว่าเศรษฐาและรัฐบาลจะต้องตั้งการ์ดสูงเพื่อยืนยันการเดินหน้าโครงการ ซึ่งเผ่าภูมิก็ได้ให้สัมภาษณ์ย้ำทันทีว่า ไม่ใช่เป็นการออกหนังสือเตือน แต่เป็นเพียงการเสนอความคิดเห็น ทุกอย่างจะยังคงเดินหน้าตามมติ ครม. ไม่มีอะไรสะดุดเดินหน้าเต็มที่
ดังนั้น การปรับ ครม.เฉพาะหน้านี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องรีบทำให้จบโดยเร็ว และทำให้เกิดแรงกระเพื่อมน้อยที่สุด โดยที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ภาพที่เศรษฐานำทีมหัวหน้าและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแถลง ยืนยันความพร้อมหลังการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นการยืนยันแรงหนุนทางการเมืองที่จับมือกันเหนียวแน่น และย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า มีฐานค้ำยัน และการกระตุ้นที่สำคัญมาจากบรรดาชนชั้นอีลิทที่สนับสนุนพรรคการเมืองเหล่านั้นด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ฝ่ายปฏิบัติที่เป็นมือไม้สำคัญของรัฐบาล ถ้าจับอาการของ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ต่อกรณีรัฐบาลไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส.มาใช้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นการใช้ตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง ที่รัฐบาลโดยคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตจะต้องทำรายละเอียดเพื่อเสนออีกครั้ง ซึ่งทางรัฐบาลก็ย้ำว่าเพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างก็ต้องถามกฤษฎีกาอีกครั้ง เท่ากับว่าโครงการนี้เดินหน้าไปอย่างรอบคอบ
คำตอบเรื่องหนังสือเตือนของผู้ว่าฯ ธปท.จาก ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังก็คือ ไม่ได้ส่งผลให้โครงการดังกล่าวสะดุดลง หลังจากนี้ต้องเริ่มดำเนินการได้แล้ว เนื่องจากได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่ผู้ว่าฯ ธปท.ให้ความเห็น ก็เป็นข้อเสนอแนะเดิมที่เคยพูดมาโดยตลอด ไม่มีอะไรเป็นประเด็นใหม่ ท่าทีเช่นนี้คงเป็นท่วงทำนองเดียวกันกับที่เศรษฐาเชิญ 4 ผู้บริหารธนาคารเข้าพบ เพื่อขอความร่วมมือให้ลดดอกเบี้ยช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง การใช้เครื่องมือที่หลากหลาย อาศัยคอนเนคชั่นเพื่อประโยชน์คนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ใช้อำนาจแต่เพียงอย่างเดียว นี่คืออาวุธสำคัญที่จะช่วยผ่าทางตันในหลายเรื่องได้
อรชุน