JPARK เดิน 3 เกมใหญ่ สร้างกำไรก้าวกระโดด

การเติบโตที่เป็นภาพใหญ่ของบริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจบริหารจัดการที่จอดรถ รายใหญ่ของประเทศ


การเติบโตที่เป็นภาพใหญ่ของบริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจบริหารจัดการที่จอดรถรายใหญ่ของประเทศ

โดยปัจจุบันมีการบริหารช่องจอดรถอยู่ 32,500 ช่องจอด โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 2567 จำนวน 2,500 ช่องจอด ซึ่งในปี 2566 มีทั้งหมด 30,000 ช่องจอด

โดยจะแบ่งเป็น การให้บริการที่จอดรถ (Parking Service Business:PS) จำนวน 14,500 ช่องจอด 

รับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (Parking Management Service Business:PMS) จำนวน 18,000 ช่องจอด 

จุดเปลี่ยน ของเกมที่จะสร้างการเติบโตให้ทาง JPARK ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ มีดังนี้

  1. การได้พื้นที่จอดรถในรูปแบบ PS (สัมปทานหรือเช่าพื้นที่) ขนาดใหญ่ ซึ่งคำว่า “ใหญ่” ในที่นี้ คือ มีมากกว่า 1,000 ช่องจอด 

โดยเน้นการผูกสัญญาระยะเวลาเช่า 30 ปี ในทำเลที่มีความสำคัญหรือความต้องสูงไม่น้อยกว่า 3 แห่ง 

  1. Application Prompt Park ที่จะเริ่มให้บริการในต้นปี 68 ที่สามารถรวบรวมพื้นที่จอดรถรายย่อยหรือพื้นที่จอดรถริมถนนทั่วไป ให้เข้ามาอยู่ในระบบ Ecosystem ของ JPARK โดยสามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท

วัตถุประสงค์หลัก เพื่อเป็นการสร้างชุมชนขนาดย่อยให้เป็นพื้นที่จอดรถขนาดใหญ่และขึ้นมาอยู่บน Platform ของบริษัท

  1. New Business ที่อยู่ในระหว่างการศึกษา ที่เข้ามาต่อยอดในธุรกิจของ JPARK และสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ อาทิ

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถ EV, ธุรกิจการให้บริการรถสาธารณะ รวมถึงธุรกิจด้านอื่น ๆ ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้

บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขยายการบริหารจัดการลานจอดรถให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพสูง 

โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ๆ คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์อย่างต่อเนื่อง 

ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของอาคารจอดรถในบริเวณระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้ามหานครที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ช่องจอดภายในปี 2569 

โดยบริษัทมุ่งเน้นที่จะเพิ่มสัดส่วนในการเข้ารับงานบริหารแบบ PMS ให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูง 

สำหรับ จุดเปลี่ยนที่จะสร้างการเติบโตให้เห็นภาพชัด ซึ่งนักลงทุนสามารถเห็นเป็นรูปธรรมได้อย่างไม่ยาก

ทั้งหมดจะเริ่มสะท้อนออกมาในรูปของ “รายได้-กำไรสุทธิ“ ที่จะเติบโตเมื่อเทียบกับ YoY นับตั้งแต่ไตรมาส 1/67 นี้เป็นต้นไป 

โดยบริษัทได้แสดงความเชื่อมั่นให้เป็นที่ประจักษ์ต่อนักลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยสะท้อนผ่านราคาหุ้นในปัจจุบันที่ยังยืนเหนือจองจากราคาไอพีโออยู่ที่ระดับ 6 บาท เทียบจากราคาไอพีโอ 3.80 บาท 

แม้ภาวะตลาดหุ้นจะไม่เอื้ออำนวย และ SET INDEX วันนี้อยู่ต่ำกว่า วันที่หุ้น JPARK เข้าตลาดด้วยประมาณ -100 จุด คิดดูเอาก็แล้วกันว่า แข็งแรงขนาดไหน

อึ้งย้ง

Back to top button